13 มีนาคม 2568 นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยความคืบหน้าการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีการตายในเรือนจำคลองเปรม ของ ผู้กำกับโจ้ และการร้องเรียนเรื่องถูกทำร้ายร่างกายจากผู้คุม ว่า ได้เริ่มกระบวนการสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่วันจันทร์ที่ 10 มี.ค.แล้ว โดยมีกรรมการ 2 ชุด ตรวจสอบเรื่องที่ครอบครัวร้องเรียนเมื่อวันที่ 3 มี.ค. และการตรวจสอบการเสียชีวิต ซึ่งมีหน่วยงานสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ตำรวจ ฝ่ายปกครอง อัยการ ร่วมตรวจสอบ
โดยทางราชทัณฑ์ มีการเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมด และได้เปิดให้สื่อมวลชนเข้าไปดูห้องขัง ซึ่งวันก่อนเกิดเหตุช่วงเช้า ส่วนตัวยังไม่ทราบว่า ผู้กำกับโจ้ทำอะไรบ้าง แต่ผู้กำกับโจ้ขณะที่อยู่แดน 5 ถูกขังอยู่คนเดียวในห้องควบคุม เช้ามาก็ทำกิจกรรมปกติ และบ่ายวันที่ 7 มี.ค. มีการพบญาติ เป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร ซึ่งการเยี่ยมญาติได้นานขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ปกติก็สิบกว่านาที แต่ถ้ามีเหตุก็ยืดหยุ่น ส่วนผู้กำกับโจ้ เคยใช้เวลาเยี่ยมญาตินานหรือไม่ต้องไปตรวจสอบ แต่การปฏิบัติกับ ผู้กำกับโจ้ ก็เหมือนกับผู้ต้องขังคนอื่น
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
นายสหการณ์ กล่าวว่า ส่วนที่มีประเด็นว่า การพูดคุยกับญาติ ผู้กำกับโจ้ มีท่าทีโวยวายหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบ เพราะได้รับข้อมูลว่า “มีสถานการณ์บางอย่าง เช่น แฟนของผู้กำกับโจ้ มีลักษณะร้องไห้ แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงทั้งหมด” เพราะทางราชทัณฑ์มีไฟล์บันทึกเสียงสนทนาที่เป็นความลับ ไม่สามารถนำมาเปิดเผยได้ แต่ยอมรับว่า ส่วนตัวได้ฟังการพูดคุยทั้งหมดแล้ว ดังนั้นโดยให้เป็นเรื่องของกระบวนการสอบสวนต่อไป
ส่วนการสอบผู้คุมคู่กรณีของ ผู้กำกับโจ้ นายสหการณ์ บอกว่า ขณะนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบ แต่ยังไม่อยากเปิดเผย เพราะจะเป็นการกล่าวร้าย ผู้กำกับโจ้ แต่ยืนยันได้ว่า ทุกอย่างมีข้อมูลหมด และยืนยันย้ำว่า “ไม่มีการทำร้ายร่างกาย”
ส่วนมีการใช้คำพูดอะไรที่ทำให้เกิดความกดดันหรือไม่นั้น นายสหการณ์ ระบุว่า “ในแดน 7 ขังนักโทษจำคุก 50 ปีขึ้นไป และคลองเปรมจำเป็นนักโทษที่อัตราโทษสูง ดังนั้นกติกา ระเบียบ ข้อกำหนดต้องเข้มงวด ผู้ต้องขังไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้ ยืนยันว่า กติการดังกล่าว ไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิ เช่น ถ้าผู้ต้องขังฝ่าฝืนระเบียบต้องทำอย่างไร "ถ้าพวกเราได้ไปอยู่สักพักจะเห็นว่า อะไรเป็นอะไร เพราะถ้าผู้ต้องขังคนหนึ่งจะแสดงอิทธิฤทธิ์ เราจะต้องทำอย่างไร"
ห้องขัง ผกก.โจ้
ทั้งนี้ ยอมรับว่า จากข้อมูลการสอบสวนได้รับรายงาน เรื่องความกระด้างกระเดื่องของ ผู้กำกับโจ้ แต่ยังไม่อยากพาดพิงในตอนนี้ รอให้กระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้นทั้งหมดก่อน ส่วนกรณีการทำร้ายร่างกายหรือไม่นั้น เรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้แน่นอน
โดยนายสหการณ์ อธิบายว่า ใบรับรองแพทย์ ระบุว่า หายภายใน 5 วัน ซึ่งห้วงเวลาที่ผู้กำกับโจ้อยู่แดน 7 กับช่วงที่ผู้กำกับโจ้ไปตรวจ อยู่คนละแดนแล้ว ซึ่งผู้คุมสิทธิพร ไม่ได้อยู่แดน 5 และตอนเข้าแดน 5 ก็มีการตรวจร่างกายก่อนเข้า ดังนั้นตนเชื่อว่า เดี๋ยวความจริงจะปรากฏ
เอกสารยืนยัน ผกก.โจ้ ถูกทำร้าย
นายสหการณ์ ยังขอความร่วมมือสื่อมวลชน ให้ความเป็นส่วนตัวกับครอบครัวของผู้คุมคู่กรณีผู้กำกับโจ้ด้วย อย่าละเมิดสิทธิครอบครัว โดยการไปที่บ้านพัก เพราะเขาอยู่ไม่เป็นสุข ครอบครัวต้องย้ายที่อยู่ และลูกเขาป่วยเป็นซึมเศร้า อยากจะให้แยกกันระหว่างครอบครัวกับที่ทำงาน
ส่วนเอกสารการย้าย ผู้กำกับโจ้ จากแดน 7 มาแดน 5 ยืนยันมีการลงลายมือชื่อผู้กำกับโจ้ ชัดเจน มีหลักฐานทั้งหมด แต่นำมาเปิดเผยไม่ได้ ส่วนการสอบเรื่องการยุติ ที่ผู้กำกับโจ้ ลงชื่อให้ยุติการสอบสวนตามหนังสือร้องเรียนนั้น ยืนยันว่า มีการตรวจสอบของราชทัณฑ์ทั้งหมดเช่นกัน และมีเอกสารทั้งหมด และไม่มีเรื่องของข้อตกลง ที่จะให้ย้ายแดนเข้ามาเกี่ยวข้อง ส่วนการย้ายผู้บัญชาการเรือนจำกลางคลองเปรมนั้น ก็เพื่อให้เห็นว่า เป็นการทำงานด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันด้วยว่า ห้องขังที่พานักข่าวไปดู แดน 5 ห้อง 50 ที่ผู้กำกับโจ้อยู่ ไม่ใช่ห้องขังวีไอพี ตามที่เป็นประเด็นดราม่า แต่เป็นห้องปกติอยู่ได้สูงสุด 5 คน ซึ่งราชทัณฑ์ก็พยายามยืดหยุ่น ถ้าผิดวินัยก็มาแยกขัง แต่ผู้กำกับโจ้ยังไม่ได้มีการสอบสวน แค่แยกแดนออกมาจากแดน 7 พอมาอยู่แดน 5 แต่เขามีความกังวลหลายเรื่องในเรือนจำ และอยากที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้ตัวเอง เราก็อนุญาตให้เขาอยู่คนเดียว
ห้องขัง ผกก.โจ้
ส่วนความคืบหน้าทางคดี พล.ต.ต.เจษฎา สวยสม ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ให้ข้อมูลทางโทรศัพท์กับนักข่าวของเราว่า พนักงานสอบสวนได้รับไฟล์บันทึกเสียงสนทนาของญาติกับผู้กำกับโจ้แล้ว และได้ส่งให้พิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบแล้ว โดยจะต้องตรวจสอบขนาดไฟล์ว่า มีขนาดใหญ่มากน้อยเพียงใด และมีการบันทึกย้อนหลังไปมากได้นานแค่ไหน รวมถึงจะแกะไฟล์เสียงการพูดคุยทั้งหมด รวมทั้งดูว่าเป็นเสียงสนทนาพูดคุยระหว่างใคร ซึ่งอาจจะเป็นญาติ เพื่อน หรือบุคคลอื่น โดยจะต้องสอบย้อนหลังไปเท่าที่ไฟล์มีการบันทึก ไม่ใช่แค่วันเกิดเหตุเท่านั้น
ทั้งนี้ก็เพื่อวิเคราะห์ด้านพฤติกรรมศาสตร์ หาสาเหตุความเป็นไปได้ว่า ในระหว่างการสนทนา เกิดการกดดัน หรือมีเหตุอะไรกระทบกระเทือนจิตใจ ที่อาจทำให้ ผกก.โจ้ ก่อเหตุได้หรือไม่ หรือมีเหตุการณ์ที่ ผกก.โจ้ ตะโกนโวยวายใส่บุคคลที่มาเยี่ยม ตามที่มีรายงานข่าวหรือไม่ และตรวจสอบว่า ไฟล์ที่ได้รับมามีการตัดต่อหรือไม่ด้วย
ส่วนผลการตรวจดีเอ็นเอในผ้าขนหนู หลังมีรายงานว่าผลออกแล้ว ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการรอทางพิสูจน์หลักฐาน รายงานผลเข้ามาที่พนักงานสอบสวน