12 มีนาคม 2568 ความคืบหน้ากรณีการเสียชีวิตของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ ผู้กำกับโจ้ ผูกคอตายภายในเรือนจำคลองเปรม ล่าสุดช่วงเช้าที่ผ่านมา น.ส.ทราย แฟนสาว พร้อมด้วย นายวีรศักดิ์ นาคิน ทนายความผู้กำกับโจ้ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น เพื่อให้ปากคำทางคดี
ล่าสุดช่วงบ่าย หลังจากที่ตำรวจเข้าไปสอบปากคำพยาน ที่เรือนจำกลางคลองเปรม โดยมี พล.ต.ต.เจษฎา สวยสม ผู้บังคับการตำรวจนครบาล2 เข้าไปติดตามการสอบปากคำด้วยนั้น
พล.ต.ต.เจษฎา เปิดเผยว่า วันนี้ได้มีการประชุมร่วมกับเรือนจำคลองเปรม โดยได้เร่งรัดการสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในเรือนจำทุกๆ ประเด็นที่สังคมสนใจ ทำให้คดีคืบหน้าไปมาก ขณะนี้ตำรวจได้นำเซิร์ฟเวอร์วงจรปิดของเรือนจำคลองเปรม ที่จะเห็นภาพทั้งหมด ส่งพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบ เพื่อดูว่ามีการแก้ไขดัดแปลงอย่างไรหรือไม่ โดยเฉพาะช่วงเวลาสำคัญ ที่ตำรวจขอเพิ่มเติมก็ได้มาทั้งหมดแล้ว เชื่อว่าสร้างความกระจ่างต่อสังคมเร็วๆ นี้
ขณะที่การสอบสวนผู้เกี่ยวข้อง วันนี้สอบปากคำไปได้ 2 ราย เป็นผู้คุมกับพยานแวดล้อมที่เป็นผู้ต้องขัง แต่ยังสอบไม่แล้วเสร็จ ขอให้เวลาพนักงานสอบสวน ทำการสอบปากคำก่อน ซึ่งจะต้องเริ่มสอบจากประจักษ์พยาน ที่เป็นผู้คุมก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ มีทั้งหมด 5 คน จากนั้นไล่สอบพยานแวดล้อมของผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งแดน 5 และแดน 7 รวมถึงแพทย์ เวชระเบียน รวมถึงผู้คุมคู่กรณี ก็จะต้องมีการสอบปากคำด้วย ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ
ส่วนจากการสอบปากคำในเบื้องต้น ตอนนี้พบพิรุธที่นำไปสู่การเกิดเหตุหรือไม่นั้น พล.ต.ต.เจษฎา บอกว่า จากการสอบปากคำ และที่รวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้นตอนนี้ “ยังพบว่า ทุกอย่างยังดูปกติ”
ส่วนกรณีที่พบข้อมูลว่า ผู้กำกับโจ้ มีท่าทีโวยวายในวันที่ญาติไปเยี่ยมนั้น ขณะนี้ ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการสอบปากคำเช่นกัน ซึ่งจะสอบนักโทษที่อยู่แดน หรือใครที่เข้าไปเกี่ยวข้อง โดยจะต้องรอผลการสอบปากคำก่อน ส่วนไฟล์เสียงการพูดคุยของญาติกับผู้กำกับโจ้ ในวันที่เข้าไปเยี่ยม ก็ถือเป็นหลักฐานหนึ่งที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ มีการขอไปแล้ว ขณะนี้ยังไม่ได้รับมา
แฟนสาว ผกก.โจ้ เข้าให้ปากคำตำรวจ
พล.ต.ต.เจษฎา ยังบอกถึงจากการสอบปากคำญาติและคนใกล้ชิด ด้วยว่า ยังไม่พบปัญหาครอบครัว ส่วนที่สอบปากคำแฟนของผู้กำกับโจ้ไปเมื่อช่วงเช้า มีแรงจูงใจอะไรที่นำไปสู่การเกิดเหตุหรือไม่นั้น ก็ขอให้รอผลการสอบปากคำก่อน ตนยังไม่ได้ดูบันทึกคำให้การ
“ยืนยันว่า ตำรวจทำอะไรมากกว่าที่สังคมคิด ไม่ต้องห่วง และเชื่อว่าจะให้คำตอบสังคมให้กระจ่างได้ โดยเฉพาะหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหรือโกหกได้ ภายใน 30 วัน สำนวนจะต้องทราบ ทั้งสาเหตุการตาย ตายเพราะอะไรใครทำให้ตายหรือไม่ จะต้องมีความชัดเจน“
ส่วนสภาพศพที่ตำรวจเข้าไปตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่ได้อยู่ในท่าเสียชีวิตจะมีผลทางคดีอย่างไรนั้น พล.ต.ต.เจษฎา บอกว่า ก็ขึ้นอยู่กับการตรวจสอบที่เกิดเหตุของพิสูจน์หลักฐานด้วย ว่าจะมีปัจจัยอะไรหรือเป็นกระบวนการช่วยเหลือหรือไม่ โดยจะต้องดูเจตนาและผลกระทบว่า มีต่อพยานหลักฐานหรือไม่อย่างไร และเมื่อเช้าเข้าไปประสานงานและพูดคุยเรื่องเรือนจำ เพื่อให้การทำงานสะดวกขึ้น และการจำลองเหตุการณ์จะต้องเกิดขึ้นเพื่อให้ครบ
“ผู้กำกับโจ้ เสียชีวิตไปแล้ว สิ่งที่ทำบอกได้มากที่สุดคือให้ศพเล่าเรื่อง จะเล่าเรื่องได้คือหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ พฤติการณ์แวดล้อม เหตุการณ์ในอดีต ร่องรอย จะเอามาสรุปผลอีกครั้ง”
ห้องขังที่ ผกก.โจ้ เสียชีวิต
ส่วนกรณีของรอยเลือดที่พบในจุดเกิดเหตุ พล.ต.ต.เจษฎา บอกว่า จากการตรวจสอบของพฐ.และตรวจสอบภาพ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ และแพทย์ ยืนยันข้อมูลตรงกันว่า บริเวณที่พบรอยเลือด ตอนพบศพ ไม่มีรอยเลือดดังกล่าว แต่หลังมีการพลิกศพ ก็พบว่ามีรอยเลือดเปื้อน จึงคาดว่าจะเป็นเลือดที่มาจากแผลที่มีรอยสัตว์กัดแทะ ซึ่งเป็นแผลเล็กๆ เพราะร่องรอยอื่นที่ร่างกายไม่ได้มีแผลที่มีลักษณะเป็นรอยกรีด และเลือดที่ตรวจสอบแล้วเป็นเลือดมนุษย์ ไม่ใช่เลือดสด เป็นเลือดที่ปนของเหลวอื่น
ส่วนความเป็นไปได้ที่จะนำกล้องวงจรปิดออกมาเผยแพร่นั้น เท่าที่ได้พูดคุยกับหลายฝ่าย เชื่อว่าทุกฝ่ายอยากทำให้โปร่งใสที่สุด ซึ่งกล้องวงจรปิดที่มาอยู่กับตำรวจ ถือเป็นพยานหลักฐานทางคดี ส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่วนอื่น จะเผยแพร่หรือไม่ถือเป็นดุลยพินิจของหน่วยงานนั้นๆ ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่า นอกจากตำรวจเข้าไปสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องในเรือนจำแล้ว พิสูจน์หลักฐานยังได้ไปจำลองเหตุการณ์ ในการทดลองผูกเชือกดังกล่าว และจำลองเหตุการณ์บางส่วนแล้วด้วย
มีรายงานด้วยว่า ในวันที่ 7 มี.ค.68 ก่อนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะไปพบร่างของผู้กำกับโจ้ เวลาประมาณ 20.35 น.ที่เอายาไปให้แล้วพบว่า ผูกคอเสียชีวิต นั้น ช่วงเช้าวันนั้น ผู้กำกับโจ้ ได้ไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ โดยตำรวจได้สอบถามข้อมูลจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ว่า ผู้กำกับโจ้ไปทำอะไรที่ไหนอย่างไรบ้าง จากนั้นไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามไทม์ไลน์ พบว่าสอดคล้องกัน และในวันที่ดูกล้องวงจรปิด มีญาติคือแฟน และน้องสาว ร่วมดูด้วย
ในไทม์ไลน์ระบุข้อมูลว่า 07.40 น. ผู้กำกับโจ้ ออกจากห้องขังแล้วไปต่อแถวกับนักโทษคนอื่นๆ ออกจากแดน 5 เพื่อเดินเป็นแถวไปไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และเดินกลับมาในเวลา 11.00 น. เพื่อกลับเข้าห้องขัง จากนั้นอยู่ในห้องขัง
จนเวลา 11.47 น.ก็ออกไปเพื่อเข้าพบญาติที่มาเยี่ยม ก็คือ คุณทรายแฟนสาว และเพื่อนที่เป็นตำรวจ ใช้เวลาเยี่ยมเกือบ 3ชั่วโมง
14.58 น. ผู้กำกับโจ้ เดินกลับมาเพื่อเข้าห้องขัง โดยมีผู้ช่วยผู้คุมไขกุญแจเปิดประตูให้เข้าไปแล้วล็อกกุญแจ
ซึ่งตอนออกจากห้องเยี่ยมญาติ ก็ดูท่าทีปกติ ไม่ได้ทีอะไรเป็นพิรุธ ส่วนการพูดคุยกันของญาติกับผู้กำกับโจ้ ได้มีการสอบปากคำไว้ในสำนวนแล้ว
ส่วนที่ไปโรงพยาบาลจะไปพบกับทันตแพทย์หรือไม่นั้น รายงานข่าวระบุว่า อยู่ระหว่างการตรวจสอบจากเวชระเบียน เนื่องจากคนที่ป่วยจะต้องพบแพทย์ตามนัด และขณะนี้ยังไม่ได้มีการสอบสวนทันตแพทย์ หรือแพทย์ที่เป็นช่วงเวลานี้ เพราะยังไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเสียชีวิต ดังนั้นในตอนนี้จะต้องสอบปากคำเร่งด่วน กับประจักษ์พยานและพยานแวดล้อมใกล้เคียงก่อน ส่วนแพทย์จะมีการไปสอบปากคำเป็นพยานแวดล้อมต่อไป เพื่อให้ประเด็นเกิดความครบถ้วนต่อไป