"ไฟไหม้ รพ.รามาฯ" พฐ.เข้าตรวจสอบ รู้แล้วสาเหตุเกิดจากอะไร

12 มีนาคม 2568 ความคืบหน้าเหตุ ไฟไหม้ รพ.รามาฯ ภายในชั้น 2  อาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก ซึ่งเป็นอาคาร 9 ชั้น โดยต้นเพลิงอยู่ใกล้กับห้องตรวจเลือด และตู้เก็บความเย็น ก่อนลุกลามไปยังโต๊ะทำงานและ เอกสาร เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้า ใช้เวลาฉีดน้ำสกัด กว่า 20 นาที ก่อนจะควบคุมเพลิงไว้ได้

โดยวันนี้ พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) นำเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบ ภายในที่เกิดเหตุไฟไหม้ เพื่อหาสาเหตุ พร้อมกับผู้กำกับการสถานีตำรวจพญาไท เปิดเผยว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้า เพราะดูจากกล้องวงจรปิดพบว่า มีการเกิดประกายไฟ




 

ศ.คลินิก นายแพทย์อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี นำทีมเเถลง ระบุว่า อาคารที่เกิดเหตุสร้างมา 60 ปี เป็นอาคารสำนักงานรังสีวิทยา แผนกเอ็กซเรย์ เป็นที่เก็บฟิล์มเก่า ใกล้คลังเลือด และคลังเเลปพยาธิวิทยา กลุ่มควันขึ้นไปชั้น 3-4 มีคนป่วยจำนวนมาก พบว่า กลุ่มควันไฟได้กระจายหลายจุดไปทั่วอาคาร จึงเร่งอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อยู่ในอาคาร 500 เตียง ออกจากพื้นที่อย่างปลอดภัย ใช้เวลาควบคุมเพลิง 1 ชั่วโมง

สำหรับผลกระทบ ห้องชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 พยาธิ เเละห้องรังสีวิทยา ห้องคลอด ห้องผ่าตัด ปิดการทำการไปก่อน และจำกัดคนไข้ที่จะเข้ารับการบริการ จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ อาจทำให้คนไข้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง ครั้งนี้โชคดีทุกคนปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บ มีเพียงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่กลับเข้าไปช่วยผู้ป่วยตกค้าง บาดเจ็บสำลักควัน ส่วนเรื่องของรังสีกัมภาพรั่วไหล ยืนยันว่า ไม่มี 

ผลกระทบด้านคลังเลือด ในช่วงเพลิงไหม้ มีความจำเป็นต้องดับไฟ เมื่อเลือดไม่เย็นจะเสียภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งพบว่าเลือดเสียหายทั้งหมดรวม 100 ยูนิต ทำให้เลือดที่มีอยู่น้อยลงไป ต้องใช้เลือดในการผ่าตัดอย่างประหยัด ปกติจะใช้ 10-20 ยูนิตในการผ่าตัด คลังเลือดดังกล่าวเป็นคลังเลือดใหญ่ของโรงพยาบาล เเต่ยังมีคลังเลือดสำรองขนาดเล็กสำรองอยู่ จึงมีความจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ในการรับบริจาคเลือด โดยการผ่าตัดที่ต้องใช้เลือดปริมาณมาก เช่น การปลูกถ่ายตับ การผ่าตัดหัวใจ ยังสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้

สำหรับความเสียหายของคารที่เกิดเพลิงไหม้พบว่า เป็นห้องที่ขนาด 50 ตาราเมตร ส่วนใหญ่ภายในเป็นอุปกรณ์สำนักงาน เเละเอกสาร แต่ที่มีความกังวลคือ อุปการณ์เเพทย์ที่มีความละเอียดอ่อน ชั้น 3-4 จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด ยังสรุปมูลค่าความเสียหายไม่ได้อย่างชัดเจน ส่วนการกลับมาให้บริการของโรงพยาบาล จะรีบดำเนินให้เร็วที่สุด เบื้องต้นต้องมีการตรวจ ระบบไฟ ระบบเเอร์ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์


ขณะที่ พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยในเบื้องต้นว่า พบต้นเพลิงจุดที่มีการสปาร์คของไฟ บนฝ้าเพดาน ที่เป็นอาคารเก่า มีการรีโนเวทบ่อยครั้ง พบรอย สปาร์ค พบสายไฟหลอมละลาย จึงมุ่งไปที่ ไฟฟ้าลัดวงจร จะนำสายไฟไปตรวจสอบหาสาเหตุที่เเท้จริง มั่นใจว่า ไม่ใช่การวางเพลิง เพราะลักษณะการเกิดเพลิงไหม้ มีความเเตกต่างกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การด่วนสรุป เเละจะนำผลการตรวจสายไฟ รวมถึงจุดต้นเพลิง เทียบเคียงกับกล้องวงจรปิดว่า เป็นจุดเดียวกันกับจุดที่พบสายไฟหลอมละลายหรือไม่

ด้าน รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ นำทีมวิศกร จากวิศกรรมสถานเเห่งประเทศไทย ร่วมตรวจสอบที่เกิเหตุสภาพอาคาร เบื้องต้นจากการใข้วิธีการสำรวจโครงสร้าง ด้วยสายตา ทางกายภาพพบว่า อาคารยังคงปกติ เเต่อาจมีความสียหายบ้างในบ้างจุด โดยเฉพาะที่พื้นห้องอาคารชั้น 3 จากความร้อน ส่วนการตรวจสอบเชิงลึก จะนำอุปกรณ์ เพื่อออกมาเป็นค่าตัวเลข เเละทำการโหลดเทส หรือการตรวจสอบการรับน้ำหนัก เพื่อสร้างความมั่นใจในการกลับใช้งาน