บิ๊กเต่า นำทีมตรวจอู่ สางปม 7 เจ้าหน้าที่ กทม.ทุจริตซ่อมรถบัส

12 มีนาคม 2568 เวลา 09.00 น. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(รองผบช.ก.) พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ,  พ.ต.อ.เพิ่มวุฒิ ประทุมราช ผกก.1 บก.ปปป. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. , ป.ป.ช. , สตง. และ กทม. ลงพื้นที่ตรวจสอบอู่ซ่อมรถบัสแห่งหนึ่ง ย่านสุขาภิบาล 3 แขวงและเขตมีนบุรี กทม. เพื่อตรวจสอบสภาพว่า ใช่อู่ซ่อมรถบัสโดยสารขนาด 50 ที่นั่งหรือไม่

 

 

หลังพบพฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ กทม. กองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร (กทม.) ร่วมกัน ทุจริตโครงการซ่อมแซมรถโดยสารปรับอากาศ ขนาด 50 ที่นั่ง จำนวน 5 คัน จำนวน 28 ครั้ง มูลค่าความเสียหาย 2,790,748 บาท

 

จากการตรวจสอบ พบว่าอู่ดังกล่าว เป็นอู่ซ่อมรถขนาดเล็กและเป็นอู่ที่รับเหมาซ่อมรถขนาดเล็กโครงการของ กทม. อยู่แล้ว แต่ไม่มีลักษณะที่จะสามารถซ่อมรถโดยสารขนาดใหญ่ได้

 

จากการสอบถามเจ้าของอู่ รับสารภาพว่า รับซ่อมรถขนาดเล็กให้กับ กทม. อยู่แล้ว ต่อมามีเจ้าหน้าที่ กทม. เข้ามาขอใบเสร็จเปล่า เพื่อนำไปเขียนราคาค่าซ่อม เพื่อนำไปเบิกค่าใช้จ่ายกับ กทม. เมื่อเขียนใบเสร็จ เสร็จแล้ว จะให้ตนมารับใบเสร็จเพื่อนำไปเบิกกับ กทม. โดยทางอู่จะได้รับส่วนต่าง ทั้งนี้ยอมรับว่า ทางอู่ไม่เคยซ่อมรถโดยสารขนาดใหญ่เลย เพราะอู่ไม่มีศักยภาพ

 

หลังจากพนักงานสอบสวน บก.ปปป. สืบสวน ว่า พบการทุจริตกระทำความผิดจริง จึงได้ขออำนาจศาลออกหมายจับ ผู้ต้องหารวม 7 ราย เป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักกีฬา และนักวิชาการพัสดุ โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับแล้ว ประกอบด้วย

 

นายดำรงค์ , นายภูมินทร์ , นายคมกริช , นายปฏิญญา , น.ส.สิริกัญญา , นายอภินันท์ , น.ส.สุชาวดี ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารรับเอกสารหรือกรอกข้อความลงในเอกสาร ร่วมกันรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และร่วมกันรับรองเป็นหลักฐาน ซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1)(4) และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

 

ทั้งนี้มีรายงานว่า ผู้ต้องหาทั้ง 7 คนนี้ อยู่ระหว่างการถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดจัดซื้อเครื่องออกกำลังกายราคาสูงเกินจริง ส่วนโครงการซ่อมรถบัสทิพย์ ผู้ที่ตรวจสอบความผิดปกติ คือ เจ้าหน้าที่ สตง. จึงได้เข้าแจ้งความ โดยเรื่องนี้ถือว่าร้ายแรงมากเพราะไม่มีการซ่อมเลย 

 

 

เปิดพฤติการณ์ความผิด

 

พฤติการณ์ สตง. ตรวจสอบพบความผิดปกติของการจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีการจ้างเหมาซ่อมแซมรถโดยสารปรับอากาศ ขนาด 45-50 ที่นั่ง จำนวน 5 คัน ในหน่วยงานราชการ สังกัดกองการกีฬา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร

 

จึงดำเนินการตรวจสอบเอกสารพบว่า หน่วยงานราชการดังกล่าว มีการเบิกฎีกาจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าวในห้วงระหว่างปี พ.ศ.2565 – 2567 โดยไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริง จำนวน 11 ครั้ง โดยมีกลุ่มของผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่พัสดุขออนุมัติจ้างซ่อม และทำการปลอมใบเสนอราคาของ บริษัทซ่อมรถทั้ง 5 คัน เพื่อจัดทำเอกสารเสนอราคากลางในการจ้างซ่อม แล้วดำเนินการอนุมัติงบประมาณ

 

สตง. จึงส่งเรื่องให้ ป.ป.ท. ดำเนินการ และมีการตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในห้วงระหว่างปี พ.ศ.2565 - 2567 มีการจ้างเหมาซ่อมรถโดยสารดังกล่าว โดยที่ไม่มีการส่งรถเข้าซ่อมจริงอีก จำนวน 12 ครั้ง

 

 

และกรุงเทพมหานคร ได้ตรวจพบ การกระทำลักษณะเดียวกันอีก จำนวน 5 ครั้ง รวมจำนวนเงินที่กลุ่มผู้ต้องหาทำการเบิกจ่ายค่าซ่อมรถ โดยไม่มีการซ่อมจริง 28 ครั้ง หรือ 28 ฎีกาของการเบิกจ่ายงบประมาณ เป็นเงินที่มี การทุจริตทั้งสิ้น 2,790,748 บาท

 

ต่อมาวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 กรุงเทพมหานคร จึงมอบหมายให้เจ้าหน้าที่เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทั้ง 7 คน กระทั่งมีการรวบรวมพยานหลักฐานและขออนุมัติหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางดังกล่าว

 

จนกระทั่งในวันนี้ ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ได้ขอเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน กก.1 บก.ปปป. ที่กองการกีฬา กทม. ดินแดง อาคารกีฬาเวสน์ 3 ถนนมิตรไมตรี จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา และจับกุมผู้ต้องหาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

สอบถามปากคำเบื้องต้น ผู้ต้องหายังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา