7 มกราคม 2568 ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ "ทนายวิฑูรย์ เก่งงาน" ทนายความของ "บอสพอล" และดิไอคอนกรุ๊ป พร้อมตัวแทนจำหน่ายสินค้า เดินทางเข้ามาเยี่ยม บอสพอล และบอสดิไอคอน พร้อมเผยว่า วันนี้จะเข้ามาพูดคุยเรื่องวันพรุ่งนี้ (8 ม.ค.) ที่จะครบกำหนดฝากขัง 7 ผัด 84 วัน ว่า จะมีแนวทางอย่างไร อัยการสูงสุดจะสั่งฟ้องคดีหรือไม่ ซึ่งจะหารือถึงกรณีหากสั่งฟ้องและสั่งไม่ฟ้อง รวมถึงแนวทางสู้คดีหลังขึ้นสู่ขั้นศาล
ทั้งนี้ยังไม่ทราบว่า อสส.จะฟ้องคดีหรือไม่ และจะฟ้องทันหรือไม่ ซึ่งหากมีการสั่งฟ้องคดี ก็ได้เตรียมแนวทางการต่อสู้คดีไว้แล้ว และหากมีการฟ้องคดี จะต้องเบิกตัว 18 บอสออกจากเรือนจำ เพื่อนัดส่งฟ้องคดี และสอบว่า จะรับสารภาพหรือปฏิเสธ และนัดสอบคำให้การ ทั้งนี้จะต้องขอดูคำสั่งฟ้องหรือไม่ก่อน
ส่วนหากมีคำสั่งฟ้องแล้วยังไม่ได้มีการสอบพยาน ที่ฝั่งดิไอคอนกรุ๊ป ได้ร้องขอความเป็นธรรมนั้น ทนายวิฑูรย์ มองว่า ก่อนหน้านี้ได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรม ในการขอให้สอบเพิ่มเติมพยาน แต่ไม่ทราบว่ามีการสั่งสอบเพิ่มหรือไม่ คงต้องรอวันพรุ่งนี้ แต่หากไม่มีการสอบเพิ่ม ก็ต้องนำพยานดังกล่าว ขึ้นเป็นพยานฝั่งผู้ต้องหาในชั้นศาล ซึ่งได้เตรียมพยานที่จะเบิกความในชั้นศาลไว้จำนวนมาก
ส่วนการเตรียมยื่นประกันตัวนั้น ทีมทนายความได้หารือกันอยู่ แต่ยังไม่ใช่เร็วๆ นี้ เพราะมีเงื่อนไขในชั้นสอบสวน ที่ไม่อนุญาตให้ประกันตัว โดยให้เหตุผล เกรงว่าจะหลบหนี และเกรงว่าจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ดังนั้นถ้าคำสั่งมาในลักษณะนี้ ก็คงจะยื่นประกันตัวหลังศาลมีการตรวจพยานหลักฐาน เพราะพยานหลักฐานทั้งหมดจะขึ้นสู่ศาลแล้ว
ทนายวิฑูรย์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ นายเคนโด้ ยื่นร้องสภาทนายความให้สอบมรรยาททนายว่า ส่วนตัวยังงงว่าผิดมรรยาททนายข้อไหน เพราะถ้าเป็นข้อ 18 คือการผิดศีลธรรมอันดี ต้องไปก่ออาชญากรรม ทำเรื่องผิดกฎหมาย ถึงจะเข้าเงื่อนไขข้อนี้
แต่กับบริษัทดิไอคอน ตนทำหน้าที่ทนายความของบริษัทและบอสๆ ซึ่งเป็นลูกความ มีการดูแลผลประโยชน์ลูกความโดยตลอด รวมถึงตนก็พูดคุยสื่อสารในห้องกับกลุ่มตัวแทนดิไอคอน กับผู้ที่ทำธุรกิจว่า ไม่ได้เป็นความผิดฐานฉ้อโกงตามที่ถูกกล่าวหา สามารถเช็กได้ว่า คนที่แจ้งความได้รับสินค้าไปหรือยัง และถ้าได้สินค้าไปขายได้หรือไม่ได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เช่นนั้นบริษัทขายส่งในประเทศไทย ก็เป็นฉ้อโกงทั้งหมดหรือไม่
ทั้งนี้ก็ขอบคุณคนที่ดำเนินคดีกับตน เพราะก่อนหน้านี้ตนก็อยากรู้รายชื่อคนแจ้งความ เพื่อนำไปตรวจสอบว่า ได้รับสินค้าไปหรือยัง หากได้รับสินค้าไปแล้วก็ถือว่า ไปให้การเท็จและแจ้งความเท็จ
ทนายวิฑูรย์ กล่าวว่า การร้องเรียนให้ตรวจสอบมรรยาททนายความ ตนมองว่า เป็นการกลั่นแกล้ง ใช้สิทธิเกินส่วน วันนี้ตนได้ตั้งเพื่อนเป็นทนายเพื่อสู้คดีแล้ว จึงอยากบอกว่า “ทนายมีทนายแล้วนะ” โดยพรุ่งนี้ (8 ม.ค.) จะไปขอคัดเอกสารที่สภาทนายความ เพื่อดำเนินคดีกับคนที่มาดำเนินคดีกับตน
ส่วนที่ นายเคนโด้ อ้างว่า ทนายวิฑูรย์ไปให้ข่าวในลักษณะข่มขู่ ทำให้เกิดการหวาดกลัว แล้วไปถอนแจ้งความนั้น มองว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะคนที่ไปถอนแจ้งความ ไม่ได้ถอนเพราะตนไปข่มขู่ว่าจะดำเนินคดี แต่ไปถอนแจ้งความกันเอง ซึ่งข้อเท็จจริงคดีของดิไอคอน ที่ตรวจสอบสำนวนคดี ถ้าไม่มีใครถอนแจ้งความ ก็มั่นใจว่า มีโอกาสชนะคดีค่อนข้างสูง และไม่ได้กังวลเรื่องจะมีคนถอนแจ้งความหรือไม่
ส่วนกรณีที่ เคนโด้ จะเอาผิดข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท นั้น ยืนยันว่า ตนพูดถึงนายเคนโด้แค่ 2 ครั้ง และถ้าจะถามว่า หมิ่นประมาทหรือไม่ ตนก็มองว่า นายเคนโด้ ก็เคยทำงานกับบริษัทดิไอคอนจริง มีสัญญาชัดเจน และบริษัทดิไอคอนทำธุรกิจโมเดลนี้ตลอดตั้งแต่เคนโด้อยู่ ถ้า 3 ดาราผิด เคนโด้ก็ต้องผิดด้วย
ส่วนเอกสารที่อ้างว่าไปลงในระบบคอมพิวเตอร์นั้น ตนไม่ทราบว่าหลุดไปได้อย่างไร ดังนั้น จึงไม่ทราบว่า นายเคนโด้ ดำเนินคดีข้อหา พ.ร.บ.คอมฯ ตนได้อย่างไร และถ้าจะดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท ตนมองว่า ถ้าทำงานกับบริษัทได้รับเงินไปแล้ว เป็นบริษัทที่จ่ายเงินตรงเวลา ไม่ได้มีปัญหาอะไร ดังนั้นจะเสียหายอย่างไร
เช่นเดียวกับที่จะดำเนินคดีกับ “บอสพอล” ก็มองว่า จะดำเนินคดีได้อย่างไรใน เมื่อบอสพอลอยู่ในเรือนจำ แล้วจะส่งข้อมูลให้คนอื่นได้อย่างไร ดังนั้นมองว่า ถ้าจะฟ้องก็ต้องหาหลักฐานมาให้ได้ว่า ตนและบอสพอลเอาข้อมูลไปปล่อยอย่างไร
ส่วนที่ตั้งคำถามว่า ตนรับเงินเดือนอย่างไรนั้น ทนายวิฑูรย์ ระบุว่า เป็นความลับทางการค้า และตนรับเงินเดือนเอกชน ไม่ได้รับเงินภาษีประชาชน และตนพอมีเงินอยู่บ้าง ทำคดีนี้ได้สบายๆ และตนก็ยังไม่ได้เงินค่าทนาย และตนจ่ายเงินภาษีทุกปี เป็นทนายมานานทำมาหลายคดีสามารถตรวจสอบได้
ทนายวิฑูรย์ ย้ำอีกว่า บริษัทดิไอคอน ไม่ได้ทำธุรกิจผิดกฎหมาย ไม่ได้ฉ้อโกงใคร คนซื้อสินค้าก็ได้สินค้าไปจริง