กรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีนโยบายสร้างบ้านเพื่อคนไทย โดยใช้ที่ดินของการรถไฟในพื้นที่ ที่มีการคมนาคมขนส่งสะดวก โดย โครงการบ้านเพื่อคนไทย เป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาประหยัด หรือ Affordable Housing โดยมีเป้าการพัฒนาที่พักอาศัยคุณภาพสูง ในพื้นที่ศักยภาพ เป็นการพัฒนาคอนโดคุณภาพดีขนาดเริ่มต้นที่ 30 ตารางเมตร พร้อมสาธารณูปโภคครบครันและทันสมัย มีระบบการรักษาความปลอดภัยและเทคโนโลยีอื่นๆ รวมทั้งมีโครงการบ้านเดี่ยวด้วย เพื่อเป็นบ้านสำหรับคนทำงานที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้า ผ่อนถูก ไม่ต้องดาวน์ และถือครองในระยะเวลา 99 ปี
7 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผศ.ดร. มนตรี สิงหะวาระ รองคณะบดี คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยว่า อนาคต 5 - 10 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะพัฒนา ไปตามประเทศเพื่อนบ้าน อย่างญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน ที่มีค่าของชีพสูงขึ้น ก็จะทำให้คนรุ่นใหม่เด็กจบใหม่ หาซื้อบ้านยาก และการผ่อนบ้าน ตามปกติ ถือเป็นภาระที่หนักหน่วงสำหรับคนในยุคปัจจุบัน ถ้ารัฐบาลทำโครงการบ้านเพื่อคนไทยสำเร็จ
ในมุมมองส่วนตัวถือว่าดีมาก ถือว่าเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระรายจ่ายที่จะเกาะกินความมั่งคั่งในอนาคต เพราะเงินรายได้ ส่วนใหญ่จะไปลงกับค่าผ่อนบ้าน ซึ่งการผ่อนชำระตามโครงการของรัฐบาล เดือนละ 4,000 บาท โดยเด็กจบใหม่เฉลี่ยแล้ว ก็สามารถผ่อนชำระได้อย่างสบาย และเงินที่เหลือสามารถนำไปบริโภคใช้ชีวิตได้ และรัฐบาลควรทำควบคู่ไปกับระบบขนส่งสาธารณะ
เพื่อให้คนรุ่นใหม่นั้น เลือกที่จะนำเงินไปซื้อบ้านมากกว่าซื้อรถ เพราะเป็นทรัพย์สินที่ยั่งยืนกว่า เพราะปัจจุบันเงิน 4,000 อาจไม่สามารถผ่อนรถยนต์ได้ แต่การกระทำโครงการบ้านเพื่อคนไทย รัฐบาลต้องมีความรอบคอบ เพราะเกรงว่าโครงการเหล่านี้จะตกไปอยู่กับ นักลงทุน
โดยโครงการบ้านเพื่อคนไทยไม่ได้เกิดประโยชน์เฉพาะกับนักศึกษาที่จบใหม่เท่านั้น แต่คนที่ทำงานกลางคืน มักเช่าอพาร์ทเม้นท์ เช่าบ้าน ซึ่งราคาค่าเช่าคอนโด หรืออพาร์ทเม้นท์ เฉลี่ยเดือนละ 3,000 - 4,000 บาทแล้ว ซึ่งหากมีความเป็นไปได้ คนก็จะต้องเลือกซื้อมากกว่าเช่า
สำหรับแหล่งเงินทุนในการพัฒนาโครงการจะประสานกับธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน เพื่อสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ สำหรับพัฒนาโครงการ รวมถึงปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชน เพื่อได้สินเชื่อดอกเบี้ย 2.5% คงที่ 25 ปี จะสามารถผ่อนได้เดือนละ 4,000 บาท