21 ธันวาคม 2567 นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ดำเนินมาตรการป้องกันและปราบปรามสินค้าไม่ได้มาตรฐานอย่างต่อเนื่อง ตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์)
โดยเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.67 ที่ผ่านมาได้ส่ง “ทีมตรวจการสุดซอยกระทรวงอุตสาหกรรม” นำโดย นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เข้าตรวจสอบโรงงานแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดอยุธยา
หลังจากที่ สมอ. ปูพรมตรวจสายไฟฟ้าที่วางขายในห้างโมเดิร์นเทรดต่างๆ พบสายไฟฟ้าไม่ได้มาตราฐานวางจำหน่ายอย่างน้อย 3 พื้นที่ เจ้าหน้าที่จึงเร่งขยายผลตรวจค้น ไปยังโรงงานผู้ผลิตดังกล่าว สามารถตรวจยึดสายไฟที่ไม่ได้มาตรฐาน มอก. และเตรียมจำหน่ายทางช่องทางออนไลน์หลายรายการ รวมมูลค่ากว่า 8.9 ล้านบาท ส่วนสายไฟที่ตรวจยึดได้ เป็นสายไฟทองแดง ที่สำหรับใช้เดินสายไฟภายในบ้าน อาคาร และสายไฟฟ้าที่ใช้ในการประกอบเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ปลั๊กพ่วง ทั้งหมดถือเป็นสินค้าควบคุม ที่ต้องได้รับการรับรองมาตรฐาน มอก. เบื้องต้นได้ดำเนินคดีกับโรงงานผู้ผลิตแห่งหนึ่งในจังหวัดอยุธยา อย่างเด็ดขาด เพื่อเป็นบรรทัดฐานความปลอดภัยแก่ผู้บริโภค
กระทรวงอุตสาหกรรม โดย สมอ. จะดำเนินคดีกับโรงงานดังกล่าวอย่างถึงที่สุด ซึ่งบริษัทเป็นผู้รับใบอนุญาตทำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมสายไฟฟ้า แต่มีผลิตภัณฑ์ไม่เป็นไปตามมาตรฐานเพื่อจำหน่ายในประเทศไทย โทษฐานกระทำความผิดไม่ปฏิบัติตามมาตรา 29 แห่ง พ.ร.บ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และฝ่าฝืนมาตรา 35 มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 2 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และฝ่าฝืนมาตรา 36 มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
”การกระทำความผิดเรื่องมาตรฐานสินค้า โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับความปลอดภัยประชาชนในครัวเรือน อย่างสายไฟ ที่เป็นเหตุให้เกิดไฟฟ้ารัดวงจรในครัวเรือนจำนวนมาก เป็นเรื่องที่เรายอมไม่ได้ ซึ่งแนวนโยบาย “สู้ เซฟ สร้าง” ของรัฐมนตรีฯ เอกนัฏ ที่ได้กำชับเจ้าหน้าที่ อก. ให้ตรวจสอบทุกโรงงานสุดซอยอย่างเข้มข้น พร้อมย้ำ! หากตรวจพบการประกอบการที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายหรือตรวจพบสินค้าไม่ได้มาตรฐาน ให้ดำเนินการสั่งการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด รวมถึงผู้ที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดให้ถึงที่สุด”