28 พฤศจิกายน 2567 ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา ศาลอาญาได้นัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ อ.1412/2567 พนักงานอัยการ สำนักงานพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ ฟ้อง นายเอกลักษณ์ ขุนพรหม หรือ "เอก สายเต๊าะ" อายุ 42 ปี เป็นจำเลย ข้อหามีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมชน
คำฟ้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 10 ก.พ.2567 เวลากลางวัน จำเลยได้บังอาจกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ จำเลยได้บังอาจมีอาวุธปืนพกออโตเมติก ยี่ห้อ ซิกซาวเออร์ ซึ่งภายในอาวุธปืนดังกล่าวมีซองกระสุนปืนอยู่ 1 อัน มีเครื่องหมายทะเบียนปืนของเจ้าพนักงานประทับไว้ ซึ่งมี น.ส.ศิริพร ซึ่งอยู่กินกันฉันท์สามีภริยากับจำเลยนี้ แต่มิได้จดทะเบียนสมรสกันตามกฎหมาย มีชื่อเป็นผู้ได้รับใบอนุญาติให้มี และใช้อาวุธปืนกระบอกดังกล่าว และมีกระสุนปืนพกรีวอลเวอร์ ชนิดลูกโม่ ไม่มีเครื่องหมายทะเบียน เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
และจำเลยได้บังอาจยิงอาวุธปืนพกออโตเมติก ซิกซาวเออร์ ขนาด 9 มม. ที่จำเลยมีไว้เป็นความผิดดังกล่าว ซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุจำนวนหลายนัดภายในหมู่บ้านย่านสีกัน ซอยเทิดราชัน 17 ถนนเทิดราชัน อันเป็นเมืองหมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน โดยไม่ได้รับยกเว้นใด ๆ ตามกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เหตุเกิดที่ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร
ศาลอาญาพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปีน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ.2490 มาตรา7, 72 วรรคหนึ่ง วรรคสาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา376 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน จำคุก 10 วัน ฐานมีอาวุธ ปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง โดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 1 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา กรณีมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษ กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน 5 วัน บวกโทษจำคุก 2 เดือน ที่รอการลงโทษ ไว้ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อ450/2567 ของศาลแขวงพระนครเหนือ เข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้ รวมจำคุก 8 เดือน 5 วัน ริบอาวุธปืน 2กระบอก กับกระสุนของกลาง
ทั้งนี้ มีรายงานว่า "เอก สายเต๊าะ" ไม่มีผู้ใดยื่นประกันตัว