วันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ตำรวจกำลังสอบปากคำ นาง จารุวรรณ อายุ 79 ปี น.ส.นลิน อายุ 51 ปี ภรรยาและบุตรสาว ของ นพ.บุญ วนาสิน ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฉ้อโกง กรณีหลอกให้ร่วมลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับการแพทย์ ได้มีผู้เสียหาย 3 ราย เดินทางมายื่นขอคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จะหลบหนี
โดย นายหมี อายุ 40 ปี หนึ่งในผู้เสียหาย ที่ร่วมลงทุน เสียหาย 70 ล้านบาท เล่าว่า ตนเองได้ร่วมลงทุนกับเพื่อนผ่านโบรกเกอร์บริษัทดังรายหนึ่ง ถูกชักชวนให้ไปลงทุนร่วมกับเพื่อนตนเองลงทุนไป 70 ล้านบาท เพื่อนลงทุนไป 100 ล้านบาทรวมทั้งหมดเป็น 170 ล้านบาท พร้อมระบุว่า ตนไม่ได้รู้จักกับ นพ.บุญ เป็นการส่วนตัว แต่เห็นผ่านสื่อโฆษณา และ เป็นหมอที่มีชื่อเสียง คิดไม่ถึงว่าจะมีพฤติกรรมเช่นนี้ โดยส่วนใหญ่จะอ้างว่า จะนำไปลงทุนโครงการเวลเนสริมแม่น้ำ พระราม 3 และ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง และ อ้างว่าจะนำไปลงทุนซื้อถุงมือทางการแพทย์ ในช่วง โควิด-19
เผย “หมอบุญ” ฉ้อโกงเสียหายรวม กว่า 2 หมื่นล้าน
นอกจากนี้ ยังมีผู้เสียหายรายอื่นอีกหลายราย มีผู้เสียหายรายหนึ่ง เสียหายมูลค่าสูงสุดถึง 2,000 ล้านบาท ในการลงทุน และ เชื่อว่ามูลค่าความเสียหายทั้งหมดน่าจะสูงถึง 20,000 ล้านบาท เเละมีบุคคลที่อยู่ในตระกูลดัง นามสกุล นักธุรกิจ ที่เข้ามาร่วมลงทุนได้รับความเสียหาย เเต่ไม่กล้าเปิดเผยตัว ซึ่งมองว่าหากไม่ออกมาร่วมกัน จะเสียหายฟรีๆ ไม่ได้คืนกลับมา
ทั้งนี้ โบรกเกอร์ และนายแพทย์บุญ อ้างว่า จะได้รับผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยร้อยละ 8% ต่อปี ซึ่งช่วงแรกมองว่าไม่สมเหตุสมผล แต่นายแพทย์บุญ นำหุ้นของโรงพยาบาลธนบุรี มาใช้ในการค้ำประกัน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ซึ่งผู้เสียหายมีหลายรูปแบบ ทั้งที่ได้หุ้น และยังไม่ได้หุ้นดังกล่าว
และจากการตรวจสอบย้อนหลังหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ พบว่าหุ้นดังกล่าวเหลือเพียงหุ้นที่เป็นชื่อของลูก และภรรยา ของนายแพทย์บุญเท่านั้น ทั้งยังพบว่านายแพทย์บุญถือหุ้นอยู่เพียงเล็กน้อย
ส่วนกรณีของลูกสะใภ้ของนายแพทย์บุญที่ตำรวจกันไว้เป็นพยาน แต่ไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา นายหมี ระบุว่าตนเองรู้สึกแปลกใจที่ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพราะเชื่อว่า ลูกสะใภ้คนนี้มีส่วนรู้เห็นในขบวนการนี้เนื่องจากในเวลาจำนองหุ้น ตนเองได้เข้าไปร่วมระหว่างการโอนหุ้นด้วย พบว่ามีการใช้บัตรประชาชนตัวจริง และยืนยันทางโทรศัพท์กับเจ้าของหุ้น ซึ่งมีพยานเป็นเจ้าหน้าที่ตลาดหลักทรัพย์ และ เชื่อว่าทุกคนมีส่วนร่วมในกระบวนการนี้
ส่วนกรณีที่ลูกสาว และภรรยา ปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็น และถูกปลอมลายเซ็นนั้น นายหมี ระบุว่าไม่เชื่อเพราะเป็นครอบครัวเดียวกันน่าจะมีส่วนรู้เห็น ส่วนที่ เดินทางมาที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลวันนี้ เพื่อต้องการคัดค้านการประกันตัวของสองแม่ลูก เพราะเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี เช่นเดียวกับนายแพทย์บุญที่หลบหนีไปตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน 2567 และเชื่อว่า ทรัพย์สินถูกส่งไปยังนายแพทย์บุญเป็นที่เรียบร้อย
มองว่าการที่นายแพทย์บุญไปเสวยสุขอยู่ที่ต่างประเทศ เป็นการกระทำที่ “จันไร” เพราะตนเองได้รับความเดือดร้อนจากการที่นำเงินไปลงทุน บ้านจะถูกยึด และต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ก่อนที่ผู้สื่อข่าวจะถามว่าหลังจากนี้ถ้าหากเจอนายแพทย์บุญยังจะเรียกคำนำหน้าว่า “หมอ” หรือไม่ นายหมี ระบุว่าขอไม่เรียกว่าหมอแต่จะเรียกว่า “ไอ้เหี้ยบุญ”
ตำรวจไม่ให้ ประกันตัว ลูก-เมีย "หมอบุญ"
ล่าสุด หลังการสอบสวน ภรรยา เเละ ลูกสาว ของ “หมอบุญ” พนักงานสอบสวน ไม่ให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน เเละ นำตัวภรรยา ลูกสาว ของ “หมอบุญ” ไปที่ สน. ห้วยขวาง เพื่อยื่นฝากขังต่อศาลอาญารัชดา ในวันจันทร์ ที่ 25 พ.ย.นี้ ส่วนผู้ต้องหา 6 รายที่ถูกฝากขังเมื่อช่วงเช้า ศาลไม่ให้ประกันตัว ก่อนนำส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ส่วนผู้ต้องหาหญิงส่งฝากขังทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพฯ