"อดีตเลขาฯ สมช." เผย ประชาชนยังเชื่อมั่นการเมืองแบบใหม่จะเกิดขึ้น

26 ธันวาคม 2567 พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เปิดเผยว่า ในช่วงเวลาปลายปี 2567นี้ "กลุ่มสวัสดีคนไทย" ได้เดินสายกิจกรรม "พูดคิด พูดคุย" กับหลากหลายกลุ่มภาคประชาชน พบว่าพี่น้องประชาชนยังเชื่อมั่นว่าการเมืองแบบใหม่จะเกิดขึ้นด้วยมือประชาชนในอีกไม่นาน ขณะเดียวกันนั้นทางกลุ่มฯก็ถูกสัมภาษณ์ถามไถ่ถึงที่มาที่ไปและอนาคตของกลุ่มฯจะเป็นอย่างไร

 

ที่ผ่านมา ปี 2567 “กลุ่มสวัสดีคนไทย” ได้ข้อสรุปอะไรบ้าง ?

พล.ท.ภราดร เผยว่า ตลอด 9  เดือนของปี 2567 ของ “กลุ่มสวัสดีคนไทย” ที่เริ่มต้นจาก ผม ( พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร )และดร.พิศุทธิ์  จำเริญรวย ก็มีพัฒนาการมาเรื่อยๆ สื่อมวลชนได้กรุณานำแนวคิดของกลุ่มฯไปขยายผลสื่อสารออกเป็นข่าว

 

ทั้งๆที่พวกเราก็ไม่ใช่ นักการเมือง หรือพรรคการเมือง ซึ่งฝ่ายการเมือง ทั้งพรรคเล็ก /พรรคใหญ่ คงมองเห็น “กลุ่มสวัสดีคนไทย” เป็นพวกเสียงคนที่คุยกันไปเรื่อยๆ แบบไม่เกิดประโยชน์อะไร  ....แต่เป็นเพราะ”สื่อมวลชน” ได้ให้คุณค่ากับความคิดและกิจกรรมของพวกเรา จึงทำให้การพูดคุยนี้เกิดพลังเดินหน้าต่อไปได้เรื่อย

  

ดังนั้น...  ตลอดปี 2567 คือเราได้รับฟัง ได้พูดคุย กับหลายคน หลายบทบาท และทำให้เกิดการตกผลึก ทางความคิด และแนวทางเกี่ยวกับ “การพัฒนาบ้านเมือง” และ “การเมืองใหม่” ที่ประชาชนต้องการได้อย่างเป็นรูปธรรม  “สื่อมวลชน”คือผู้เสริมให้เรามีพลังใจ พลังกาย พลังสมอง ที่จะ “พูดคิด พูดคุย” กันต่อไปในปีหน้า 

ปีใหม่ 2568 “กลุ่มสวัสดีคนไทย” จะทำอะไรต่อไป ?

 

พล.ท.ภราดร ตอบว่า จากการที่มีคนมา “พูดคิด พูดคุย” เพิ่มขึ้น เราจึงอยากนำ “ต้นทุนทางความคิด” เหล่านี้มาจัดระเบียบ  และสรุปออกมาให้เป็น รูปธรรม  ในลักษณะของ “วิสัยทัศน์” และ นโยบาย แผนและโครงการ  เชิงยุทธศาสตร ที่อาจเป็น “ต้นทาง ทางความคิด” ให้ฝ่ายการเมืองหรือผู้รับผิดชอบ ได้พิจารณา เผื่อจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย 

 

เพราะ “วิกฤติศรัทธา“ ในทุกมิติที่สะสมกันมาเรื่อยๆตลอดหลายปีที่ผ่านมา.....ซึ่งประชาชนก็คงอยากเห็นทางออก / อยากมีอนาคตที่ดี / อยากมีส่วนร่วม ตามระบอบ ประชาธิปไตยและการเมืองที่มีประชาชน อยู่ในสมการอย่างแท้จริง  โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมที่สำคัญ  คือการลงคะแนนเลือกตั้ง ในทุกระดับ ซึ่งถ้าประชาชนสนใจมากขึ้น  เข้าใจมากขึ้น....การใช้สิทธิ ก็จะมีทั้งปริมาณและคุณภาพ ที่มากขึ้น....”การเมืองใหม่ จากคนใหม่ๆ พรรคใหม่ๆ ” ก็จะมีโอกาสมากขึ้น 

 

เมื่อย้อนกลับไปที่ 14 พฤษภาคม 2566 หลังการเลือกตั้งจบลง”ฉันทานุมัติ แบบเอกฉันท์  24 ล้านเสียง” ไม่มีพลังพอ ที่จะจัดตั้ง ”รัฐบาล 24 ล้านเสียง”

 

และเมื่อ “เสียงของประชาชน“ ในบ้าน เปลี่ยนไปเป็น “มือของนักการเมือง” ในสภา  และในที่สุด ก็ได้ “รัฐบาลตามใจนักการเมือง”มากกว่า “รัฐบาลตามใจประชาชน” ทำให้   การเมืองในสมัยนี้  ...“ ประชาชนก็ยังไม่อยู่ในสมการ” 

 

การเปลี่ยนพรรค ย้ายขั้ว ย้ายข้าง หักหลัง ปล้น ชิง วิ่งราว อำนาจและผลประโยชน์ กันเอง ...ก็ยังเป็น พฤติกรรมปกติ ....อำนาจ และอิทธิพล ของ ”บ้านใหญ่“ ก็ยังอยู่เหนือ ”ประชาชนคนธรรมดา“

 

”ความยากจน“ ยังคงเป็น ”มรดกตกทอด“ จากรุ่นสู่รุ่น ของ สามัญชนคนสุจริต ที่เป็นผลจาก สังคมเหลื่อมล้ำเกินขนาด ตั้งแต่ 14 พฤษภาคม 2566 จนถึงวันนี้  สิ้นปี 2567 และเริ่มต้น ปี 2568
....การเมืองที่ดี  อยู่ตรงไหน ?
...ประชาชนสุจริต อยู่ตรงไหน ? 
...อนาคตของลูกหลาน อยู่ตรงไหน ?
ทั้งหมด ไปข้างหน้า หยุดนิ่ง หรือ ถอยหลัง ? ? ? 

 

ดังนั้น... สิ่งที่ กลุ่มฯ จะดำเนินการต่อไป 
ในปี 2568 คือ การ “พูดคิด พูดคุย” ที่หลากหลายและจะไม่จำกัดวงสนทนา แต่อาจออกไป พูดคิด พูดคุย ในลักษณะ “การเมืองภาคประชาชน” กับคนที่มีแนวคิด จุดยืน อุดมการณ์ใกล้เคียงกัน เพื่อนำแนวคิด  แนวทาง ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ การพัฒนาบ้านเมืองในหลายมิติ ไปให้ ผู้บริหาร หรือ ภาคสังคม  ได้รับรู้ ได้พิจารณา ........ถ้าเห็นว่า ”ดี“ ก็เอาไปขยายผลต่อเนื่องให้เกิดประโยชน์กับประชาชนต่อไป

 

 

นอกจาก พล.ท.ภราดร ....“กลุ่มสวัสดีคนไทย” มีสมาชิกท่านใดที่จะแนะนำหรือไม่ ?

 

พล.ท.ภราดร กล่าวว่า คนแรกที่จะพูดถึง เพราะรู้จักกันตั้งแต่การเลือกตั้ง สมัยปี 2562   ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน  คือ “ดร.พิศุทธิ์ จำเริญรวย” ซึ่งตอนนี้ ท่านไม่ได้เป็นสมาชิก พรรคการเมืองใดๆแล้ว   และกำลังรวบรวม “ผลการพูดคิด พูดคุย” ที่ผ่านมา ผนวกกับ ”วิสัยทัศน์ และแนวคิดดั้งเดิม“ ที่ผมและท่าน มีไว้ก่อนแล้ว ตั้งแต่ช่วงก่อนเลือกตั้ง ปี 2566  เพื่อย่อยและสรุปออกมาเป็น   ” อะไรบางอย่าง” ที่น่าจะเป็นประโยชน์ ....ก็คงต้อง to be continued

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ซึ่งเมื่อย้อนกลับไปในช่วงก่อนเลือกตั้ง ปี 2566 ผมได้แนะนำให้ ดร.พิศุทธิ์ เข้าไปช่วย พรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งก่อนเข้าไป เราก็คุยกันแล้วว่า “แนวคิดและวิสัยทัศน์” แบบที่เราคิด มันไม่น่าจะไปอยู่ในมือของพวกพรรคการเมืองแบบเก่าๆ    ก็เลยลองนำไปใช้เป็น  วิสัยทัศน์กรอบแนวคิด แนวทาง แนวนโยบายของ พรรคใหม่ คนใหม่ พรรคหนึ่งในขณะนั้น   ซึ่งการอธิบายความในเรื่องเหล่านั้น ก็ปรากฏอยู่ในหลายรูปแบบ ทั้งก่อนและระหว่าง การเลือกตั้ง ปี2566

 

อย่างไรก็ตาม ภายหลังการเลือกตั้งและเวลาผ่านมา เกือบ 2 ปี  เราพบว่า แนวคิดของเราเอง ไม่มีพัฒนาการที่เป็นรูปธรรม  ให้ต่อเนื่อง ...มันเหมือนกับ

“ของดี ที่อยู่ผิดที่ ผิดทาง ผิดคน ผิดพรรค“ .....ซึ่งในโลกแห่งความเป็นจริงประชาชน ที่เป็นคนเก่ง คนดี คนมีศักยภาพ และความจริงใจ ยังมีอยู่เยอะ  โดยไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่ง หรือมีแสงใดๆ เพราะเขาอาจอยู่ในมุมมืด เพียงแค่ขาดโอกาส หรือถูกปิดกั้นจากแนวคิดเดิมๆ  คนเดิมๆ การเมืองเดิมๆ

 

นั่นจึงย้อนกลับมาที่จุดเริ่มต้น ของ “การเมืองภาคประชาชน” ของ “กลุ่มสวัสดีคนไทย” ที่มีการ “พูดคิด พูดคุย” กันมาตลอด  9 เดือน  และตอนนี้ น่าจะได้เวลาแล้ว ที่เราจะเอา “วิสัยทัศน์ กรอบแนวคิดและแนวนโยบาย” ของเราตั้งแต่แรก  กลับมาอยู่ในมือเรา  เพื่อผนวกกับ แนวคิด แนวทาง ของผู้ที่มาร่วมคิด ร่วมคุย กับเรา ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ให้มีความเป็นรูปธรรมและเป็นประโยชน์

 

ถ้าจะเปรียบ “วิสัยทัศน์และแนวคิด”เหล่านี้ เป็น “จิตวิญญาณ”  ที่มี “พลัง” ล่องลอยอยู่ ก็เท่ากับว่า เรากำลังจะเอา จิตวิญญาณหรือพลังนั้นๆ ใส่ลงไปใน “ร่างกาย” ที่จับต้องได้  ซึ่งจะทำให้มีทั้ง “พลังและรูปร่าง” ในลักษณะ  Top down และ Bottom up  ของ Policy framework และ Strategic plan รวมทั้ง ad hoc project  ในการบริหารและพัฒนา ประเทศ  ตามมุมมองของ “ภาคประชาชน” ผ่าน “กลุ่มสวัสดีคนไทย”

 

และหากมีโอกาส ก็อาจจะได้นำเสนอต่อสาธารณะ ต่อไปโดย ดร.พิศุทธิ์ จำเริญรวย เป็นผู้รับผิดชอบ บริหารจัดการในเรื่องนี้ เป็นหลักอยู่แล้ว  ซึ่งหากมีท่านใดที่มีจุดยืน แบบ "การเมืองภาคประชาชน" และ มีแนวคิดคล้ายๆกัน จะได้มาร่วม ระดมสมอง ระดมความคิด ด้วยกัน ก็จะถือว่าเป็นเรื่องที่เรายินดีมาก  เพราะ “การเมืองใหม่” จะดีได้  ต้องมี “คนใหม่ๆ ใจจริงๆ” มาร่วมมือกัน

 

 

อีกคนที่ จะขอพูดถึง คือ “คุณชัชวาลย์ บำรุงวงศ์ ” ซึ่งตอนนี้ ก็ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดๆแล้วเช่นกัน

พล.ท.ภราดร เผยต่อว่า ทนายชัชวาลย์ เป็นคนที่มีบทบาทอยู่แล้วในสังคมสื่อ โดยเฉพาะการจัดรายการ  the Voice paper talk ซึ่งมีทั้งแขกรับเชิญระดับคุณภาพ อย่างต่อเนื่อง และมีปริมาณการรับชมรับฟัง จากประชาชน มากพอสมควรทีเดียว  ซึ่งประเด็นต่างๆในการพูดคุย  ก็หลากหลาย ทันต่อเหตุเขาเป็นคนรุ่นใหม่ทำงานที่เป็นรูปธรรม  มีแนวคิด "การเมืองภาคประชาชน" แบบเดียวกัน ชอบที่จะเป็นฝ่ายให้แสงคนอื่น 

 

ดังนั้นคุณชัชวาลย์ จึงเป็นสมาชิก คนสำคัญคนหนึ่งของกลุ่มฯ ที่มีสถานะและภารกิจในสื่อ อยู่บ้างแล้ว ก็คงจะได้ช่วยขยาย ความคิดของกลุ่ม ได้กว้างขวางขึ้น

 

สำหรับ คนอื่นๆ ในกลุ่มฯ ซึ่งมี ต่างเพศ ต่างวัย  ต่างประสบการณ์ ต่างความคิดแต่ ทุกคน มีใจตรงกัน ก็จะมีการแนะนำกันต่อไปในอนาคต ซึ่งเรายินดีมาก ถ้ามีท่านอื่นๆ ที่มีใจ มีความคิดอยากมาร่วมคิด ร่วมคุยกับเรา”การ” พูดคิด พูดคุย“  ของ ”กลุ่มสวัสดีคนไทย“ ไม่มีผลประโยชน์ ใดๆทั้งสิ้น สบายใจได้

 

อย่างไรก็ตาม  ตอนนี้ เราก็คิดว่า อาจต้องจัด ”โครงสร้างของกลุ่มสวัสดีคนไทย” ขึ้นมา เพื่อรองรับกิจกรรมและผู้สนใจเข้าร่วม  ที่เริ่มมีมากขึ้น ซึ่งถ้ามีอะไรคืบหน้า ก็จะได้แจ้งให้ทราบต่อไป

 

โดยสรุปวันนี้ สมาชิก “กลุ่มสวัสดีคนไทย” ทุกคน ล้วนปลอดจากสถานะ การเป็นสมาชิก พรรคการเมืองและกำลังดำเนินการ กลั่นกรองผลการ “พูดคิด พูดคุย” มาผนวกกับ “วิสัยทัศน์และกรอบแนวนโยบาย” ที่ผมและดร.พิศุทธิ์ ได้เคยคิดและเสนอไว้บ้างใน “อดีต” ให้มีความเป็น “ปัจจุบัน” เพื่อเป็นฐานสู่ “อนาคต”  และเมื่อได้เวลาที่เหมาะสม  ก็อาจจะได้นำเสนอ ต่อสื่อมวลชนและสาธารณะชน ต่อไป ในนาม “กลุ่มสวัสดีคนไทย”

 

 

จะฝากอะไร ถึงประชาชน เนื่องในโอกาส ปีใหม่ 2568 จากกลุ่มฯ ไหม ?

พล.ท.ภราดร กล่าวต่อ ในปีใหม่นี้ ตั้งแต่ต้นปี 2568 คงมีเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับ “การเมืองและคนการเมือง” เกิดขึ้นมากมาย แต่ที่แน่ๆ คือ “ประชาชนคนไทย ต้องอยู่”และควรอยู่ให้ดี มีสิทธิเสรีภาพ อันเหมาะสมภายใต้ “ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข“  มีความสงบสุขในทุกพื้นที่ของอาณาเขตประเทศไทย  มีชีวิต มีความหวังและมีอนาคตที่ดี ให้กับลูกหลาน

 

ในนามตัวแทน “กลุ่มสวัสดีคนไทย” ก็ขออวยพรให้ คนไทยทุกท่าน ทุกครอบครัว มีความสุข สดชื่นและสมหวัง ในทุกสิ่งที่คิดที่หวังและที่ทำโดยสุจริต

“ความหวังและโอกาส” ไม่เคยหมด
เพราะมันอยู่รอบตัวเราเสมอ
เราต้องเชื่อมั่นในตัวเราเอง
“พลังที่แท้จริง”  ล้วนมาจากตัวเรา
               ปีใหม่ คนใหม่
               ความหวังใหม่
               ความคิดใหม่
              พฤติกรรมใหม่
มองไปข้างหน้า  ประเทศยังมีหวัง
ถ้า“ประชาชน” เชื่อใน“พลังของตนเอง”