14 พฤศจิกายน 2567 ที่กองบังคับการปราบปราบ "หนุ่ม กรรชัย" พิธีกรชื่อดัง เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน กรณีที่มีคลิปบันทึกเสียงเจรจาระหว่าง "ฟิล์ม รัฐภูมิ" และ นางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์ข่าวต้านโกง เรียกรับเงินจากบอสปัน ผู้ต้องหาคดีดิไอคอน เป็นเงินจำนวน 20 ล้านบาท เพื่อแลกกับการพาออกรายการโหนกระแส โดยมี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ร่วมสอบปากคำด้วยตัวเอง
หนุ่ม กรรชัย เปิดเผยว่า หลังจากมอบหมายให้ทนายความเข้ามาแจ้งความเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา วันนี้ก็ได้เข้ามาพบตำรวจเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม โดยข้อมูลที่ให้กับตำรวจไปนั้น เกี่ยวข้องกับบทสนทนาในคลิปเสียงที่ ฟิล์ม อ้างกับบอสปัน ว่า ได้ติดต่อและพูดคุยกับตน เพื่อพา บอสพอล ไปออกรายการโทรทัศน์ รวมถึงสามารถเขียนบทเพื่อพูดผิดกลายเป็นถูกได้ โดยมีค่าดำเนินการ 20 ล้านบาท ซึ่งคำกล่าวอ้างทั้งหมดเป็นการกระทำที่หมิ่นประมาท และทำให้ตนเสียชื่อเสียง
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ที่ตนได้โทรศัพท์ไปหา ฟิล์ม ถึง 3 ครั้ง เพราะต้องการให้โอกาสพูดข้อเท็จจริง เกี่ยวกับคลิปเสียงดังกล่าว แต่เมื่อฟิล์มยืนยันว่า คลิปเสียงถูกตัดต่อ ตนจึงตัดสินใจนำหลักฐาน ซึ่งเป็นคลิปเสียงฉบับเต็ม มามอบให้กับตำรวจ และแจ้งความดำเนินคดีกับ ฟิล์ม และนางสาวกฤษอนงค์ ในข้อหาหมิ่นประมาท พร้อมมอบหมายให้ทนายความไปพิจารณาเพื่อแจ้งความเพิ่มเติม ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนกับฟิล์มนั้น ไม่เคยสนิทสนมกัน และตอนนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกันแล้ว
ส่วนกรณีคลิปเสียงล่าสุด ที่แอบอ้างชื่อ นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับควบคุมดูแล สคบ. จะมีการดำเนินการอย่างไรนั้น “หนุ่ม กรรชัย” ตอบบว่า “คงต้องเป็นเรื่องของ รมต.ไปดำเนินการ และตัวเองพร้อมส่งคลิปเสียงให้เป็นหลักฐานอยู่แล้ว”
ส่วนเรื่องเรียกค่าเสียหายทำให้เสียชื่อเสียงหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างปรึกษาทางกฎหมาย แต่เชื่อว่าชื่อเสียงของตนที่เสียไป มันไม่ใช่แค่ 20 ล้านบาท เพราะตัวเองก็ทำงานมานาน หลายคนก็รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ยืนอยู่บนความถูกต้อง ตัวเองมีมูลค่ามากกว่านั้น
เมื่อถามว่า หลังจากที่ ฟิล์ม ไปออกรายการหนึ่งและให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนชี้แจงตัวเองไปแล้ว ได้พยายามจะติดต่อมาหาบ้างหรือไม่นั้น “หนุ่ม กรรชัย” ตอบว่า “เขาโทรมาหาผมครั้งหนึ่ง แต่ผมไม่ได้รับและไม่ได้โทรกลับ ส่วนเรื่องเขาจะสำนึกหรือไม่สำนึก ตอบไม่ได้“
เมื่อถามว่า ถ้าในวันนั้นเขายอมรับว่าเป็นตัวเขาทำผิด จะดำเนินการอย่างไร “หนุ่ม กรรชัย” บอกว่า “ถ้าวันนั้นเขายอมรับว่าใช่ครับ ผมขอโทษ และพูดความจริง ตนจะไม่เปิดคลิปนี้ แต่จะให้ทนายความไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐานก่อน และอยากขอให้ตัวเขาออกมาชี้แจงว่า สิ่งที่ทำคืออะไร แต่สุดท้ายมันก็แค่เป็นความคิดของตัวเอง ว่าเขาอาจจะมีความคิดที่ดีได้ ก็แล้วแต่เวรแต่กรรม“
ส่วนถามว่า หากเขาอยากออกมายอมรับผิดหลังจากนี้ จะให้อภัยได้หรือไม่ หรือจะทันหรือไม่นั้น หนุ่ม กรรชัย ย้ำว่า “ไม่ใช่ไม่อยากคุย แต่ไม่คุยดีกว่า เพราะไม่มีอะไรต้องคุย ในทางกฎหมายผมตอบไม่ได้ว่า มันจะไปจบตรงไหน แต่ความสัมพันธ์ผมกับเขาจบแล้ว จบตั้งแต่ที่วางหูไปวันนั้น หลังจากนี้เขาจะออกมาพูดอะไรก็เป็นสิทธิของเขา ผมไม่เอาแล้ว มันทำให้สังคมเสื่อมทราม โดยเฉพาะการใช้จุดอ่อนของคนมาทำแบบนี้ มันไม่ถูกต้อง”
เมื่อถามย้ำว่า ตอนนี้มันจบแล้วครับน้องหรือไม่ “หนุ่ม กรรชัย” ตอบว่า ”เขาเป็นน้องผมตอนไหน ไปถามเขาก่อนดีกว่า ผมไม่มีน้องแบบนี้ และผมไม่ได้สนิทอะไรกับเขา ผมรู้จักเขา แต่ไม่ได้บอกว่าต้องสนิท แค่เคยทำงานร่วมกันแล้ว ก็แยกย้ายกันไปเท่านั้น เป็นแค่คนรู้จักกัน
นอกจากนี้ “หนุ่ม กรรชัย” ยังฝากถึงคนที่เคยโดนกระทำลักษณะแบบนี้ ขอให้ออกมา ไม่ต้องอาย ไม่ต้องรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่มันน่าตลก อยากให้ออกมาดำเนินการให้ถึงที่สุด เพราะที่ผ่านมาตัวเองรู้ว่ามีเคสลักษณะแบบนี้เยอะ หลักหมื่นหลักแสน โดนหมด
“และครั้งนี้ผมถือว่าเกินไป เป็นบุคคลมีหน้าตาในสังคม ลำบากยากแค่ไหนต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ ไม่มีศักดิ์ศรีเลยเหรอ สิ่งที่คุณทำไร้ซึ่งศักดิ์ศรี และคงไม่เตือน เพราะผิดชอบชั่วดีเป็นสิ่งที่พ่อแม่ครูอาจารย์ต้องสอน สิ่งที่คุณเป็นอยู่ตอนนี้ ต้องย้อนกลับไปตอนเด็กๆ ว่า ที่บ้านคุณสอนหรือเปล่าว่า ให้คุณเป็นคนดียังไง ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นสอน”
ยืนยันว่า ในส่วนคดีของตน จะไม่เจรจาและไม่เคลียร์ ผมไม่ใช่นักเคลียร์ ก็รับผิดชอบในสิ่งที่ทำไป และไม่เอาไหว้สวยรวยกระเช้าด้วย กระเช้าที่บ้านเยอะแล้ว และผมไม่เอากระเช้าสีเทา
ส่วนหลังจาก น.ส.กฤษอนงค์ ออกมาชี้แจงคลิปเสียงเช่นเดียวกันนั้น เชื่อว่าประชาชนไม่ได้กินหญ้า รู้ได้ว่าอะไรคืออะไร การที่คุณออกมาพูดแบบนี้ มันจะกลายเป็นตัวตลกไปด้วยซ้ำ ส่วนการตีความเรื่องกรรโชกทรัพย์หรือตบทรัพย์นั้น เขาเองก็มีบริษัทกฎหมาย มีทีมทนายในมือ ลองไปถอดคำว่า มันกรรโชกหรือไม่
“หนุ่ม กรรชัย” ยังบอกอีกว่า ”คลิปเสียงใหม่ตอนนี้ยังไม่มี แต่คาดว่าหลังจากนี้อาจจะมีอีก ซึ่งถ้าใครมีก็ให้ส่งมาให้ตน หรือสื่อมวลชนก็ได้"