30 ตุลาคม 2567 ที่อาคารรัฐสภา นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม กล่าวถึงการที่มีการเปิดตัวชื่อย่อนักการเมืองเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องกับคดี "ดิไอคอนกรุ๊ป" ว่า
ส่วนตัวพอจะเดาได้บ้าง เพราะอยู่ในช่วงการเมืองขณะนั้นพอดี และปฏิเสธไม่ได้ว่าเรื่องนี้เป็นคนที่อยู่ในวงการการเมือง และอาจจะมีข้าราชการบางส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
ซึ่งประเด็นที่ตนสงสัยเหตุใดต้องให้มีการย้ายคดีจากความรับผิดชอบของกองปราบปรามไปให้กับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งตนเคยพาผู้เสียหายไปร้องต่อดีเอสไอ ให้รับเป็นคดีพิเศษถึง 6 คดี
บางคดีค้างมา 6 ปี อย่างคดีแชร์แครอทก็ค้างมาถึง 1 ปี ซึ่งกองปราบก็ทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี ขณะที่ดีเอสไอก็สามารถขอให้ ตำรวจหรือหน่วยงานอื่นเข้ามาช่วย
การโยกคดีไปให้ ดีเอสไอ อาจจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มบุคคลที่เปิดชื่อมาด้วยหรือไม่ ความสงสัยไม่อาจคลี่คลายได้ ว่าอยู่ในอำนาจการสอบสวน และคดีดำเนินไปได้ด้วยดี มีการสืบสวนผู้เสียหาย 9,000 ราย เอกสารเกือบ 100,000 หน้า ตนก็ไม่สามารถหาคำตอบได้
นอกจากข้อสงสัยว่าจะเป็นอำนาจมืด หรืออำนาจอะไรของเทวดาด้วยหรือไม่ จึงเห็นว่าเป็นอำนาจของ ผู้ที่มีความคิดริเริ่ม หรือมีเจตนาที่จะโยกคดีจากกองปราบฯ ไปดีเอสไอ ที่จะต้องออกมาตอบคำถาม
มองว่าเป็นเรื่องดีที่ฝ่ายการเมืองออกมาเปิดเผยผู้ที่เกี่ยวข้อง เพราะเมื่อดิไอคอนขยายไปสู่การเมือง ก็จะเป็นการขยายบ่วงกรรมของแชร์ลูกโซ่ ไปครอบคลุมใครคนนั้นก็ต้องรับกรรม ไม่มีเว้น จะต้องถูก ตรวจสอบโดยละเอียด ว่ามีผลได้เสียหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับเรื่องนี้หรือไม่
ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าการทุจริตในประเทศไทยแทรกซึมไปทุกวงการ โดยเฉพาะวงการการเมือง รวมทั้งวงการที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีและการตรวจสอบ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ที่หมิ่นเหม่หรือตีความผิดกฎหมาย การวิ่งเต้น เส้นสาย
การเข้าไปหาผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง เป็นสิ่งที่ถือเวลาต้องเปิดโปงอย่างจริงจัง โดยไม่มองว่าเป็นเรื่องการเงินหรือเศรษฐกิจ แต่เป็นเรื่องชีวิตเลือดเนื้อของประชาชน ถูกระบบครอบงำและทำร้าย เรียกว่าเป็นความรุนแรงเชิงระบบ หรือก่ออาชญากรรมเชิงระบบโดยรัฐหรือไม่
มองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ฝ่ายการเมืองจะเข้ามาขยายผลไปสู่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ ย้ำว่าสิ่งที่จะต้องตอบคำถามให้ได้ก็คือ เหตุใดต้องมีความเร่งด่วน ย้ายคดีจากกองปราบไอดีเอสไอ และบรรดาคนที่เปิดตัวมาหากอยู่ในรัฐบาลปัจจุบัน เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่า "นายกรัฐมนตรี" หรือ "รัฐมนตรี" ที่เกี่ยวข้อง จะสามารถทำหน้าที่ได้อย่าง โปร่งใส ตรงไปตรงมา
"เทวดา ส.เสือ" เป็นตัวเล็กๆในกลุ่มใหญ่ แต่ว่าจะเป็นเทวดาที่จะขยายผลไป จากไม้ขีดก้านเดียว เผ่าบ้านป่าทั้งหลัง ทั้งผืนได้หรือไม่ คิดว่าโฆษกพรรคพลังประชารัฐก็คงป้องกันไว้ก่อน เพราะท่านเป็นตำรวจเก่าและเป็นตำรวจน้ำดี ท่านก็พยายามโยนไปฝ่ายที่เกี่ยวข้องจริงๆ
ซึ่งบรรดาคนที่เปิดมา 5-6 คน ผมว่าหลายคนคงเดาได้ แต่ผมคิดว่าน่าจะอยู่ในวงการการเมือง และพยายามโยนมาที่ "อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม" ในขณะนั้น เพื่อให้เห็นภาพว่ากุมบังเหียน ในเรื่องการกำกับดูแลกฎหมาย
ส่วนที่มีการออกมาเปิดเผยถึง "กลุ่มสามมิตร" แน่นอนว่า "นายสมศักดิ์ เทพสุทิน" ก็อยู่ใน "กลุ่มสามมิตร" ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีในขณะนั้น และแต่งตั้งให้ "นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงยุติธรรม" ขณะนั้น
ส่วนจะเกี่ยวโยงกับ นายสมศักดิ์ หรือไม่นั้น หากเกี่ยวข้องจริงๆ อำนาจในการสืบขยายผลก็น่าคิดว่าจะเป็นของฝ่ายไหน เพราะเป็นข้าราชการที่อยู่ภายใต้สังกัดท่าน คงไม่มีใครกล้าไปตรวจสอบรัฐมนตรี
ส่วนเรื่องเงินที่หมุนเวียนอยู่ที่อาจจะมีการจ่ายส่วย ส่วยเทวดา อาจจะมีมากพอ ที่จะทำให้เกิดการแสดงตัวหรือแสดงออกมาปกป้องคุ้มครอง ให้การทำงานของดิไอคอน ยังดำรงต่อไปในช่วงเวลานั้น
ซึ่งดิไอคอนทำธุรกิจมา 5-6 ปี แต่ช่วงเวลาที่ไฮไลท์เข้มข้นที่สุด มีคนลงทุนเยอะที่สุด น่าจะเป็นช่วงหลังโควิด หรือ 2-3 ที่มีการจ้างพรีเซนเตอร์แบรนด์ใหญ่ๆ และอาจเป็นช่วงเวลาเดียวกัน ที่มีการจ่ายให้กับรัฐบาลด้วยหรือไม่ ตนเห็นว่าเรื่องนี้จะต้องขยายผล
เมื่อถามย้ำว่า "เทวดา ส." อยู่ใน "พรรคเพื่อไทย" หรือ "พรรคพลังประชารัฐ"
นายแทนคุณ กล่าวว่า ส่วนตัวคิดว่าน่าจะอยู่พรรค "เพื่อไทย" เพราะจากข้อมูลที่ได้ติดตามจากโฆษกพรรคพลังประชารัฐ คิดว่าน่าจะอยู่ในช่วงเวลานั้น แต่ก็อาจจะคาบเกี่ยว เพราะสมัยก่อนพรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐก็ทำงานด้วยกัน เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
แต่ก็ไม่อยากไปกล่าวหา แต่ข้อมูลมีร่องรอยแปลกประหลาดหลายอย่าง ซึ่งการที่มีคำพูดว่าสามารถแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ สคบ. แสดงว่ามีอำนาจอยู่ในกลไกของกระทรวงยุติธรรมแน่นอน
ขอให้ผู้เสียหายและสื่อมวลชนติดตาม โดยไม่อยากให้ติดกับดักว่าบริษัทจะตอบโต้หรือฟ้องกลับ ตนขอให้เปิดข้อมูลและสู้ด้วยกระบวนการยุติธรรม ใครถูกผิดว่าไปตามข้อมูล
นอกจากนี้ นายแทนคุณ ยังเรียกร้องไปยัง พล.ต.อ.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ขอให้ดำเนินคดีแจ้งความกับผู้ที่อยู่เบื้องหลัง หากมีหลักฐานสาวไปถึง
ไม่อยากให้ประเด็นนี้ เป็นเพียงประเด็นทางด้านการเมืองอย่างเดียว เพราะพรรคท่านก็มี สส. ที่รู้เรื่องนี้ ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย อาจเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ส่วนที่มีการเชื่อมโยงกับ "กลุ่มสามมิตร" นั้น ตนเห็นว่าในการเป็นคนที่ดีต้องกล้าแสดงความบริสุทธิ์ใจและรับการตรวจสอบ ถ้าเป็นสามมิตรภาพก็ควรลงมาช่วยเหลือประชาชนและส่วนตัวก็ไม่ได้มองท่านในแง่ร้ายหรือกล่าวหาท่าน
แต่ขณะนี้ประชาชนเดือดร้อนและยังมีข้อคลางแคลงสงสัย ว่าทำไมต้องโอนคดีไปให้ดีเอสไออย่างเร่งด่วนอย่างนี้ ส่วนตัวไม่ได้โกรธเกลียดใครเพราะไม่ได้เป็นนักการเมืองแล้ว แต่จากข้อมูลที่ได้โยงนักการเมืองแน่นอน แต่จะโยงระดับไหน โยงเท่าไหร่ กลุ่มสามมิตรจะต้องช่วยกันหาคำตอบเพื่อคลายความสงสัยและคลายมลทินที่หลายคนอาจจะเข้าใจท่านผิดไป