svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

"ประทีป" ยันไม่ใช่ "เทวดาประจำ สคบ." ตามที่เป็นข่าว ไม่เกี่ยวข้อง "บอสพอล"

"พ.ต.อ.ประทีป" ยันไม่รู้จัก "บอสพอล" ส่วนตัว เจอแค่ 2 ครั้ง ปรึกษาเรื่องดำเนินธุรกิจ ยอมรับคุ้นๆเสียง "ชายปริศนา" หากเป็น "นักการเมืองคนนั้นจริง" ตามที่สังคมลือ รับรู้จักพอสมควร เพราะเคยเป็น "ผู้ที่ออกมาต่อต้านแชร์ลูกโซ่"

"พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์" อดีตรองเลขาธิการ สคบ. ยันไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์จาก "บอสพอล" ท้าให้ตรวจสอบ หลังมีคลิป "ชายปริศนา" คุยกับ "บอลพอล" อ้างสามารถแต่งตั้ง "ประทีป" ขึ้นเป็น "รองเลขาธิการ สคบ." ให้ช่วยดูแลธุรกิจขายตรง และเป็นเบอร์ 1 ได้ ตามข่าวเมื่อวานนี้(14 ต.ค.67)

 

15 ตุลาคม 2567 พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี (อดีตรองเลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ.) เปิดเผยถึง กรณีดังกล่าวว่า คลิปที่เปิดมันมี 2 คลิป หลักๆ ยืนยันว่าตนไม่ใชเทวดา เพราะตนเองออกมาจากการปฏิบัติหน้าที่ที่ สคบ.แล้ว ตั้งเเต่ 17 เม.ย.62

 

ตนเองเป็นคนเเรกเเละคนเดียวที่เคยเสนอให้มีการตรวจสอบ "ดิไอคอนกรุ๊ป" เมื่อปี 2561 ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกันเลย จน เม.ย.62 ตนดำรงค์ตำแหน่งเป็น ผอ.สำนักเเผน เเละเป็นรองเลขาธิการ สคบ.ตามลำดับ ก็ไม่ได้รับมอบให้กำกับดูเเล ตนเองจึงไม่มีอำนาจใดใดทั้งสิ้นที่เกี่ยวข้องกับคลิปที่เป็นข่าว ที่จะไปเป็นเทวดาได้ 

 

ส่วนคลิปที่ 2 เป็นเทวดา เป็นการตีกินธรรมดา ยืนยันว่าไม่มีใครสนับสนุน แต่งตั้งการเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก ผ่านกรรมการ ตั้งแต่ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง ผู้ทรงคุณวุฒิ พิจารณาตามหลักความรู้ ความสามารถ ไม่มีใครสั่งได้ ยืนยันว่าเติบโตด้วยความรู้ความสามารถ ไม่เคยเดินตามใคร มันเป็นการดูถูกศักดิ์ศรีข้าราชการ เพราะตนเป็นข้าราชการระดับสูง การมากล่าวอ้างเเบบนี้ทำให้ได้รับความเสียหาย ในฐานนะอดีตตำรวจ ก็จะมีการดำเนินการอย่างจริงจัง อย่างเด็ดขาด 

สาเหตุที่ถูกนำเข้าเเอบอ้าง ยอมรับว่าในสังคมการทำธุรกิจที่มีหน่วยงานคอยกำกับดูเเล ก็มองว่ามีการนำไปเเอบอ้างนำไปหาผลประโยชน์ มันก็มีกันบ้าง เพราะตนเองก็เคยได้รับโล่ห์ รางวัล ได้รับฉายาว่าเป็นมือปราบ ขายตรงนอกรีด เป็นคนที่ธุรกิจขายตรงรู้จักพอสมควร ยืนยันว่า ไม่ได้รู้จัก "บอสพอล" เป็นการส่วนตัว เคยเจอ "บอสพอล" เพียง 2 ครั้ง 

ครั้งที่ 1 คือ กรณีที่ "บอสพอล" มายื่นหนังสือหารือการจดทะเบียนธุรกิจขายตรง ขณะที่ตนเองดำรองตำแหน่งเป็น ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรง และ ตลาดแบบตรง สคบ.นั้น "บริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป" เคยเข้ามาหารือว่า จะสามารถจดทะเบียนเป็นธุรกิจขายตรงได้หรือไม่ แต่เมื่อดูข้อมูล และ เอกสารแล้ว พบว่าองค์ประกอบไม่สามารถจดทะเบียนเป็นธุรกิจขายตรงได้ จึงแนะนำให้ไปจดทะเบียนตลาดแบบตรง  เเละตนเองก็ไม่รู้เจตนาจริงๆของเขา ทำไมถึงอยากถ่ายรูปกับตน

 

มาทราบภายหลัง ที่นำรุปไปโพสต์ ไปติดเเฮทเเท็ก ยื่นขอจดทะเบียนเป็นธุรกิจขายตรง ไม่ใช่หนังสือการประกอบธุรกิจอย่างมีคุณธรรม ตามที่ บริษัทดิไอคอน นำภาพไปโพสต์ และ ติดแฮชแท็ก เมื่อดูข้อมูลแล้วใก็เห็นว่า ธุรกิจดังกล่าว ค่อนข้างล่อแหลม 

 

มีความเสี่ยงที่จะกระทำความผิดได้ จึงเสนอเรื่องให้กับเลขาธิการ สคบ.ในขณะนั้น ซึ่งได้เห็นชอบส่งหนังสือไปยัง 3 หน่วยงาน คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง
 ให้ตรวจสอบ ทาง อย.ตอบกลับมาว่า สินค้าเข้าข่ายโฆษณาเกินจริง 

 

ครั้งที่ 2 เจอ "บอสพอล" ในช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ที่เค้านำขนมไหว้พระจันทร์มามอบให้ เเต่ก็สังเกตว่าหน้าเขาเปลี่ยนๆไป เเละบอสพอลก็ไม่ได้มอบให้ตนเองเพียงคนเดียว พร้อมกับขอถ่ายรูปกับตัวเอง โดยมีลูกน้องของตนเป็นคนพามา เเละเป็นคนถ่ายรูปให้ 

 

ยอมรับว่า คุ้นๆเสียง "ชายปริศนา" ที่สนทนากับ "บอสพอล" ซึ่งถ้าหากเป็นนักการเมือง ที่มีการลือชื่อกันนั้น ตัวเองก็รู้จักพอสมควร เนื่องจากตัวเองเคยเป็น ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง จึงต้องกำกับดูแล หรือรับเรื่องธุรกิจขายตรง ที่เบี่ยงเบนไปทางแชร์ลูกโซ่

จึงรู้จักกับคนที่เชี่ยวชาญ "เรื่องแชร์ลูกโซ่" ซึ่งบุคคลที่ถูกกล่าวถึง เคยเป็น"ผู้ที่ออกมาต่อต้านแชร์ลูกโซ่" เหมือนกัน จึงรู้จักกัน แต่ไม่เคยขอให้มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน

อย่างไรก็ตามถือเป็นเรื่องดีที่จะได้ชี้แจง ซึ่งตัวเองนั้นมั่นใจในความบริสุทธิ์ 100% ยืนยันว่า ไม่ได้เป็น "เทวดา สคบ." อย่างที่มีคนกล่าวหาพร้อมที่จะให้ตรวจสอบ 

 

อย่างไรก็ตาม บอสพอล มีความพยายามที่จะทำธุรกิจขายตรง ที่มีเเม่ข่าย จึงมาจดทะเบียนอีกครั้งในปี 2663 เเต่ สคบ.ไมีอนุญาติ เขาถึงพยายามต่อสู้ว่าเขาไม่ไม่ใช่ขายตรง ส่วนเรื่องการหลอกลวงเป็นพฤติกรรมแปลกๆ เช่นการนำรถหรู การนำดารา มาโปรโมทสินค้า

 

จะสังเกตุได้ว่า สินค้าที่มีดาราโปรโมท จะขายดี จากปกติมันขายไม่ออก ก็ต้องไปตรวจสอบว่า เข้าข่ายการฉ้อโกงหรือไม่ แต่ที่เข้าข่ายหลอกลวงคือสั่งซื้อสินค้าราคาหลักหมื่น เเต่ส่งสินค้าราคาหลักร้อน แสดงว่ามีเจตนาไม่ส่งาลสินค้า จึงเข้าข่ายขายฐานฉ้อโกง เรื่องนี้นักกฏหมาย ต้องค่อยๆเเกะให้ดี