15 ตุลาคม 2567 ที่พรรคพลังประชารัฐ "พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย" โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวถึงกรณี"คลิปเสียง" คล้ายสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เรียกรับเงิน "บอสพอล ดิไอคอน" เพื่อช่วยไม่ให้ ถูกตรวจสอบในชั้นคณะกรรมการฯ สภาผู้แทนราษฎร ว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้ยืนยันมาตรฐานจริยธรรมสูง ถ้าสมาชิกพรรคไม่ว่าจะเป็นมีตำแหน่งในพรรคหรือไม่มี ถ้าผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินคดีถึงที่สุด แต่ถ้าผิดวินัยหรือระเบียบข้อบังคับพรรคก็จะดำเนินการตามมาตรฐานของพรรค ที่สำคัญคลิปดังกล่าวในวันนี้ ยังไม่ได้ทำการพิสูจน์ว่าเสียงของใครมีแต่การบอกว่าเสียงใครคนนั้นคนนี้ แต่ไม่มีการพิสูจน์ชัดเจน
แม้กระทั่ง "บอสพอล" ก็ยังไม่ยืนยันว่าสิ่งที่คุยด้วยเป็นใคร ยืนยันแค่ว่าเป็นเสียงของตัวเอง ที่สำคัญเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 2 ปีที่แล้ว หรือในปี 2565 ซึ่งถ้าเป็นคนที่ถามหากัน ในปีดังกล่าวยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และไม่มีตำแหน่งใดในพรรค แม้ในปัจจุบันจะมีตำแหน่งในพรรค แต่ถ้ามีการพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่ากระทำผิดจริงหัวหน้าพรรคยืนยันจะดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายอย่างแน่นอน
ขณะนี้มีการยื่นให้ "นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา" ประธานสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบแล้ว ขอให้รอผลการตรวจสอบของสภาว่าคิดดังกล่าวเป็นคลิปจริงหรือมีการตัดต่อหรือไม่ อีกด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการตั้ง คณะทำงานสืบสวนสอบสวน "ดิ ไอคอน" น่าจะมีการสอบสวนบุคคลอื่นๆที่เกี่ยวข้องในการเรียกรับผลประโยชน์ พรรคพลังประชารัฐ ยืนยันถ้ามีหลักฐานพาดพิงบุคคลหนึ่งบุคคลใดชัดเจน จะให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ถ้าเป็นคลิปที่ไม่มีที่มาที่ไป ส่งต่อกันมาลอยๆ หรือใช้ AI คงจะพิจารณาไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาม.296/1 จะไม่นำพยานหลักฐานที่มาจากการกระทำผิดกฎหมายมาพิจารณา
ส่วนพรรคจะไม่ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ แต่จะรอผลสอบของสภาใช่หรือไม่ "พล.ต.ท.ปิยะ" ยืนยันว่า ถ้าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นคนในพรรคจริงไม่ว่าเหตุจะเกิดขึ้นในอดีตหรือปัจจุบัน แต่เป็นคนในพรรคก็จะดำเนินการตามระเบียบตามกฎหมายแน่นอน ส่วนจะเป็นการขับออกจากพรรคหรือไม่นั้นพลตำรวจโทปิยะ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความผิด โดยจะไม่รอผลสอบจากสภาเพียงอย่างเดียวแต่ถ้ามีพยานหลักฐานหรือพยานบุคคล ถ้านายพอลบอกว่าเป็นเสียงของสมาชิกพรรคพลังประชารัฐจริงเราก็จะดำเนินการทันที
ทั้งนี้ ได้พูดคุยกับคนที่ถูกอ้างว่าเป็นเสียงในคลิปดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่ใช่เสียงของตัวเองอย่างแน่นอน และตนเองไม่มีพฤติกรรมเช่นนั้น ซึ่งพลเอกประวิตร ไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะทำให้เกิดความเสียหาย เพราะเหตุเกิดตั้งแต่ปี 2565 ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค
ส่วนคนที่ถูกพาดพิงว่าเป็นเจ้าของเสียงมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ"พลเอกประวิตร" ได้สอบถามกับ"พล.อ.ประวิตร" หรือไม่"พล.ต.ท.ปิยะ" กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคหรือไม่ แต่ส่วนตัวได้พูดคุย แต่เขายืนยันว่าไม่ใช่แน่นอน
ส่วนของพรรคเพื่อไทย "พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี" ได้ลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในคดีตากใบ แต่ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ จะแสดงความจริงใจต่อกรณีคลิปเสียงอย่างไร พลตำรวจโทปิยะ กล่าวว่า เป็นคนละกรณีกัน กรณีของ พลตำรวจโทพิศาล ศาลได้ออกหมายจับให้ดำเนินคดี ขณะที่บุคคลที่มีกล่าวอ้างคลิปเสียงยังไม่มีใครแจ้งความ ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตรงกันข้ามกับ "พล.อ.พิศาล" ที่ถูกออกหมายจับ