svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม แจ้งความถูกขู่ หลังเเฉปมวุฒิการศึกษาปลอม

มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม แจ้งความถูกข่มขู่ หลังนำชายสวมไอ้โม่ง ออกเเฉข้อมูลซื้อขายวุฒิการศึกษา โต้ "ทนายเดชา" เลิกพูดหักหลัง เเนะประธานสาวควรเเจงเงินเข้าบัญชีให้ชัด

8 กรกฎาคม 2567 เมื่อเวลา 12.00 น. มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม มอบหมายให้ นายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิ เดินทางเข้าแจ้งความที่ลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ปากเกร็ด นนทบุรี  ระบุว่ามีการข่มขู่หลังออกมาแฉเรื่องการซื้อขายวุฒิการศึกษา

นายรภัสสิทธิ์ บอกว่า หลังจากที่เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาทางมูลนิธินำบุุคคล ที่อยู่ในเเวดวงการเมือง สวมไอ้โม่ง มาเปิดโปงกระบวนการ ซื้อขายวุฒิการศึกษา ของมหาวิทยาลัย ในจังหวัดพิษณุโลก ปรากฏว่า ถูกผู้ไม่หวังดี ที่ใช้ชื่อว่า "คนใต้XX" มาข่มขู่คุกคามทาง Facebook ถึงขั้นจะเข้ามาต่อยที่มูลนิธิ 

"ทางมูลนิธิฯ เเละทีมงาน ตกใจกลัว เกิดความกังวล เเละ เป็นห่วงว่าไม่ปลอดภัย จึงมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อดำเนินคดี" 

มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม แจ้งความถูกขู่ หลังเเฉปมวุฒิการศึกษาปลอม

นายรภัสสิทธิ์ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ต้องใส่ไอ้โม่ง เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น  ที่ออกมาโพสต์ทำนองบอกว่า จะเข้ามาต่อยให้มันเเว่นเเตก บอกว่ามูลนิธิ นำไอ้โม่งมาเล่านิทาน กล่าวหาว่าเป็นวิธีการสกปรก ยืนยันว่าการออกมาดำเนินการเรื่องนี้ นอกจากประเด็นการซื้อขายวุฒิ ยังมีประเด็นซื้อขายตำแหน่ง เลขากรรมธิการ, คณะทำงาน, ผู้ติดตามนักการเมืองในรัฐสภา ที่เป็นเรื่ิองสำคัญระดับประเทศที่ตะต้องเดินหน้าตรวจสอบ 
มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม แจ้งความถูกขู่ หลังเเฉปมวุฒิการศึกษาปลอม
มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรม แจ้งความถูกขู่ หลังเเฉปมวุฒิการศึกษาปลอม

โต้ ทนายเดชา เลิกพูดหักหลัง เเนะเเจงเงินเข้าบัญชีให้ชัด 
ส่วนกรณีที่ ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ออกมาระบุว่า สัปดาห์นี้จะเป็นสัปดาห์ที่ ทางประธานมูลนิธิสาวจะเอาคืนบ้าง นายรภัสสิทธิ์ ตอบโต้ว่า ทางทีมทนาย ไม่ได้มีความกังวล

เมื่อเช้าก็ยังฟังทนายเดชาออกมาระบุว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นการหักหลังของเพื่อน ให้เลิกพูดเสียทีอย่าหักหลัง เเละยังอ้างว่ามีการข่มขู่ให้ทางประธานมูลนิธิสาว ไปลงบันทึกประจำวัน ควรจะต้องไปดูว่ามีใครเกี่ยวข้องกับกระบวนการซื้อขายวุฒิบ้าง

มองว่า เรื่องการลงบันทึกประจำวันเป็นเรื่องที่ดี เพื่อยืนยันข้อเท็จจริง ทั้งเรื่องของข้อความแแชท เพื่อให้เห็นว่ามีขบวนการจริง ตอนเเรกปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับการโอนเงิน เเต่พอมีการลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานเงิน 49,5000 บาท โอนกลับไปยังประธานสาวมูลนิธิ เป็นโอกาสที่ดีมากที่ได้ชี้เเจงว่า เหตุใดเงินจึงโอนกลับเข้าไป เเล้วเงินไปไหนอย่างไรต่อ หากชี้เเจงได้สังคมก็จะกระจ่างไปได้ระดับหนึ่ง ไม่รวมถึงคดีฉ้อโกงเเชร์ที่เป็นคดีเก่าอยู่ที่กองปราบฯ