22 พฤษภาคม 2567 ตำรวจนครบาล โดยชุดสืบนครบาล ได้มีการจับกุม นายวีระนันต์ เลิศปัญญาโรจน์ หรือ ครูจู้ อายุ 43 ปี ครูสอนดนตรีชื่อดัง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ จ.481/2567 ลงวันที่ 21 พฤษภาคม 67 ในข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้” และถูกดำเนินคดีเพิ่มในข้อหา “ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กเพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น” โดยสามารถจับกุมได้ที่ โรงเรียนสอนดนตรีบน ถ.สุขุมวิท 77 แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ
การจับกุมสืบเนื่องจาก ทางตำรวจได้รับจากจากผู้ปกครองรายหนึ่งว่า ได้ส่งลูกสาววัย 10 ปี มาเรียนพิเศษกับผู้ต้องหาที่โรงเรียนที่เกิดเหตุทุกวันศุกร์ โดยขณะที่ผู้เป็นแม่จะไปนั่งรอลูกที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ใกล้ ๆ กับโรงเรียน แต่ปรากฎว่า ระหว่างนั้น ลูกสาวได้วิ่งมาหาก่อนที่จะถึงเวลาเลิกเรียนตามปกติ ในสภาพร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว พร้อมระบุว่า “ครูจู้ จับxxxหนู”
โดยผู้เสียหาย เริ่มมาเรียนพิเศษดนตรีกับครูจู้ ที่เป็นครูสอนดนตรีชื่อดัง ประมาณเดือน พ.ค. 66 เป็นการเรียนแบบตัวต่อตัว สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เรื่อยมาจนถึง เดือน ม.ค. 67 เด็กหญิงผู้เสียหายเล่าให้ผู้เป็นแม่ฟังว่า ขณะที่เธอกำลังนั่งเรียนเปียโนอยู่ตามปกติ “ครูจู้” เริ่มเดินเข้ามาชิดที่หลัง จนเธอรู้สึกตัวได้ว่า ถูกเอา “จูจู้” ถูไถไปมาข้างหลังเธอ แต่เธอบอกกับแม่ด้วยความไร้เดียงสาว่า ในตอนนั้นเธอไม่เข้าใจว่า มันคือการทำอะไร แต่เธอถูกทำ “เช่นเดิม” แบบนี้ซ้ำๆ ทุกวันที่เธอไปเรียนเปียโน
จนกระทั่งเหตุการณ์เริ่มหนักขึ้น เมื่อเริ่มเข้าเดือน ก.พ.67 ขณะที่เธอไปนั่งเรียนเปียโนอยู่บนเก้าอี้เปียโนตามปกติ แต่ครั้งนี้หนักข้อเมื่อ “ครูจู้” จับเธอนอนลงกับเก้าอี้เปียโน จากนั้นได้ถลกกางเกงของเธอลง พร้อมกับใช้ “ลิ้น” เลียไปที่อวัยวะเพศของผู้เสียหาย แต่เด็กสาวบอกกับผู้เป็นแม่ว่า ในตอนนั้นเธอไม่เข้าใจว่า ครูกำลังทำอะไร และเธอกำลังถูกทำอะไร จึงไม่ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง
กระทั่งเมื่อวันที่ 17 พ.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่เด็กหญิงนั่งเรียนเปียโน จู่ ๆ “ครูจู้” ได้ดึงมือของเธอออกจากเปียโน ล้วงเข้าไปในกางเกง แต่เด็กหญิงขัดขืน ครูรายนี้ได้ผลักเด็กหญิงลงนอนที่เก้าอี้เปียโน ก่อนจะควักของสงวนออกมาถูไถไปที่กางเกงในของเด็กหญิง และใช้นิ้วรวมถึงมือล่วงละเมิดทางเพศ กระทั่งเด็กหญิงรวบรวมสติได้ จึงถีบครูจู้ล้มลง และรีบวิ่งออกมาจากโรงเรียน ไปหาแม่ที่นั่งรออยู่พร้อมเล่าเรื่องราวให้ฟัง
หลังเกิดเหตุ แม่พาลูกสาวเข้าขอความช่วยเหลือจากชุดสืบนครบาล และเข้าแจ้งความที่ สน.พระโขนง กระทั่งพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับ “ครูหื่น” รายนี้ในที่สุด
เมื่อ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. ทราบเรื่อง จึงสั่งให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้การสืบนครบาล จัดชุดสืบ “สารวัตรแจ๊ะ” เร่งติดตามไล่ล่าครูหื่นรายนี้มาดำเนินคดี โดยสืบทราบว่า ครูหื่นรายนี้ ยังเปิดโรงเรียนสอนดนตรี รับสอนเด็กนักเรียน เพื่อหาเหยื่อรายใหม่อยู่ตามปกติ จึงเข้าทำการจับกุมภายในโรงเรียนสอนดนตรีดังกล่าว
โดยเมื่อเข้าไปภายในห้องนอนของครูจู้ ก็ถึงกับผงะ เมื่อพบว่า หลังจากเพิ่งสอนดนตรีให้เด็กสาวเสร็จหมาด ๆ เจ้าตัวเปลื้องผ้านอนล่อนจ้อน สไลด์หนอนอยู่ภายในห้องนอน จึงได้ทำการจับกุม
จากการตรวจค้นภายในโรงเรียน เจ้าหน้าที่พบว่า ภายในห้องสอนดนตรี ที่เจ้าตัวใช้สำหรับสอนดนตรีให้กับเด็กนักเรียน มีถุงยางอนามัย, เจลหล่อลื่น และยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน วางตั้งหลาอยู่บนเปียโนที่ตั้งอยู่กลางห้อง
เมื่อตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ แท็ปเล็ต และคอมพิวเตอร์ของ “ครูจู้” ก็พบคลิปวิดีโอลามกอนาจารเกี่ยวกับเด็ก จำนวนมากกว่า 1,000 คลิป และยังพบว่า ผู้ต้องหามีพฤติกรรมแอบถ่ายเด็กนักเรียนสาวที่ตนเองสอน ในขณะใส่ชุดนักเรียน ส่งไปให้กับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ดูแทบทุกวัน
เบื้องต้นในชั้นจับกุม ครูจู้ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาในความผิดฐาน “กระทำอนาจารฯ” แต่รับสารภาพในข้อหา “ครอบครองสื่อลามกฯ” และอ้างว่า ผู้เสียหายอาจจะไม่พอใจตน จึงกุเรื่องขึ้นไปฟ้องผู้ปกครอง ยืนยันว่า ตนไม่เคยคิดไม่ดีกับเด็กและลูกศิษย์ เพียงแค่อยากอวดเพื่อนว่า มีลูกศิษย์สวย ๆ มาเรียนกับตน” โดยหลังจับกุมตัวได้ เจ้าหนาที่นำตัว นายวีระนันท์ฯ ส่งพนักงานสอบสวน สน.พระโขนง เพื่อดำเนินคดีตามกฏหมาย
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ระบุว่า ตำรวจไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหารายนี้ เนื่องจากพยานหลักฐานจากการสืบสวนแน่นหนา ประกอบกับผู้ต้องหารายนี้ว่า จัดได้ว่าอยู่ในประเภท “อาชญากรใคร่เด็ก” มีความหมกหมุ่น และคลั่งใคล้ในเรือนร่างของเด็กสาววัยรุ่น จนเรียกได้ว่าเข้าขั้น “โรคจิต”
ถือว่าเป็นภัยร้ายต่อสังคม โดยเฉพาะพ่อแม่ผู้ปกครอง ที่ต้องการส่งลูกหลานเรียนพิเศษ เพิ่มความสามารถทางด้านดนตรีเป็นอย่างมาก โดยเชื่อว่า ยังมีเด็กนักเรียนที่ตกเป็นเหยื่ออีกหลายราย แต่ไม่กล้าเล่าให้ผู้ปกครองฟัง หรือไม่กล้าเข้าแจ้งความ จึงขอประชาสัมพันธ์หากใครเคยส่งบุตรหลานมาเรียนกับครูรายนี้ โปรดสอบถามบุตรหลานว่า เคยถูกบุคคลดังกล่าวกระทำอนาจารหรือไม่ หากใครตกเป็นเหยื่อก็ขอให้มาแจ้งความเพื่อที่จะได้เอาผิดเพิ่มเติม