ภายหลังตำรวจ บก.ปปป. สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.-ป.ป.ช. และชุดปฏิบัติการ “หนุมานกองปราบ” ได้ร่วมกันจับกุมแก๊งอิทธิพลมืดข่มขู่ผู้รับเหมาโครงการก่อสร้างระบบประปา ก่อนเรียกรับเงินสินบน 6 แสนบาทในพื้นที่ อ.ทัพทัน และ อ.เมืองอุทัยธานี พบ 1 ในกลุ่มผู้ต้องหาเป็นถึงนายกเทศบาลตลุกดู่ ลูกเขยของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” รมช.มหาดไทย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ล่าสุดทางด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้วผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการช่องหนึ่ง ว่าสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ ตำรวจมีหลักฐานค่อนข้างชัดเจน มีน้ำหนัก เพราะทางผู้เสียหายมีการส่งข้อมูลให้ตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นคลิปวิดิโอบันทึกเสียงการเจรจา พูดคุย ข้อมูลติดต่อกันทางโทรศัพท์ เมื่อเราได้หลักฐานจากผู้เสียหายแล้ว ได้มีการหาหลักฐานอื่นมาประกอบด้วย ใช้เวลารวบรวมหลักฐาน ประมาณ 2 อาทิตย์
“ตำรวจเชื่อว่าหลักฐานที่เรามีเพียงพอ ในการนำตัวคนผิดมาลงโทษ จึงได้ขอศาลอนุมัติหมายจับ ที่ผ่านมาแผนประทุษกรรมของผู้ก่อเหตุในพื้นที่ภาคกลางจะมีลักษณะคล้ายๆกัน ในการประมูลงาน ไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการ บ้านเมืองเดินหน้าไปเยอะแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ยังมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต เมื่อได้รับร้องเรียนตำรวจจะปล่อยผ่านไม่ได้”
เมื่อถามรู้สึกหนักใจหรือไม่ เมื่อผู้ต้องหาเป็นลูกเขยของนายชาดา พล.ต.ต.จรูญเกียรติระบุว่า ไม่หนักใจ เพราะเราต้องแยกกันคนละส่วน ตำรวจทำงานร่วมกันหลายหน่วยงาน เมื่อมีเรื่องร้องเรียนจึงต้องตั้งชุดสืบสวน
ไม่หนักใจ เคสนี้ได้มีการรายงานไปยังผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ทราบแล้ว เพราะถือเป็นนโยบายปราบปรามผู้มีิอิทธิพล และทุจริต ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องปฏิบัติอยู่แล้ว
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุอีกว่า หลังจากนี้จะต้องทำการขยายผลต่อ เพราะการทำเพียงเฉพาะจุดไม่มีอะไรดีขึ้น ตำรวจต้องทำต่อให้เป็นรูปเป็นร่าง เพื่อจะได้เห็นเป็นภาพใหญ่ เป็นขบวนการทั้งหมด
“ตอนจับกุมทางท่านชาดา ได้โทรศัพท์เข้ามาหา และถามว่า ลูกเขยถูกจับในข้อหาอะไร ซึ่งถ้าหากพบว่าทำผิดกฎหมายให้ว่าไปได้เลย ไม่มีปัญหา ท่านไม่ได้มีการขอให้ช่วยเหลือแต่อย่างใด ไม่มีเลย เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า ในภาพรวมยังมีองคาพยพ ที่อ้างชื่อผู้ใหญ่ในการก่อเรื่องทุจริต ทำมาหากิน ต้องว่ากันไปเป็นรายบุคคล ใครทำผิดต้องถูกดำเนินคดีเหมือนกัน”
นอกจากนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยังบอกอีกว่าจากแผนประทุษกรรมที่ปรากฎพบว่ามีความแตกต่างจากเดิม เดิมระดับหัวหน้าจะเจรจาเอง รับเงินเอง แต่ตอนนี้ ได้มีการเปลี่ยนแผนประทุษกรรมให้ยุ่งยาก โดยจะมีประชาชนเข้ามาเป็นหน้าเสื่อ รับเคลียร์ ผลประโยชน์ หรืออาจจะเป็นในรูปแบบหัวหน้าเจรจา แล้วให้คนอื่น หรือหน้าห้องดำเนินการต่อ
แม้วิธีการจะพัฒนาไปในรูปแบบใดก็ตาม คดีทุกอย่างที่เกิดขึ้นย่อมทิ้งพยานหลักฐานไว้ ยืนยันว่าจะมีการกระตุกสังคมแบบนี้ไปทุกเดือน เราจะทำอย่างต่อเนื่อง ให้เพื่อให้สังคมได้รู้ถึงการกดขี่ ข่มเหง เอารัดเอาเปรียบ ทุจริตเงินรัฐมาเข้าส่วนตัว และมีการประสานไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อมีคำสั่งเด็ดขาดกับบุคคลเหล่านี้