24 เมษายน 2566 ภายหลังนางทองพิน เกรียติชนะสิริ แม่ของน.ส.ศิริพร ขันวงษ์ หรือก้อย อายุ 32 ปี เท้าแชร์ ชาว จ.กาญจนบุรี เป็นลมวูบเสียชีวิตปริศนา ได้เข้าร้องทุกข์กับทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. หลังพบพิรุธและความผิดปกติหลายอย่างนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยภายหลังการรับเรื่องว่า ตนได้รับทราบเรื่อง ในเบื้องต้นแล้ว วันนี้ก็ได้เรียก ผกก.สภ.บ้านโป่ง และรองผู้บังคับการฯ ดูแลงานด้านการสืบสวน จ.ราชบุรี เข้ามาสอบถามแล้ว ซึ่งในคดีนี้มีหลายส่วนที่เป็นข้อพิรุธ โดยคดีนี้จะเริ่มทำใหม่ตั้งแต่แรก รวมถึงคดีเก่าๆด้วย
แต่อันดับแรกต้องตั้งหลักที่สาเหตุการเสียชีวิตก่อน จากการชันสูตรพลิกศพ ว่าคดีที่เกิดขึ้นมีสารพิษหรือไม่ ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องสงสัย มีอดีตสามีเป็นถึงรอง ผกก.สภ.บ้านโป่ง นั้น ทางญาติไม่ต้องกังวลใจ เพราะตนจะไล่ดูสำนวน และคดีทั้งหมด
โดยจะมีการจัดชุดทำงานของตนลงไปดูในพื้นที่ด้วย ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง หรือกังวลในจุดนี้ ส่วนเรื่องสารที่สามารถทำให้คนปกติ ที่ไม่มีโรคประจำตัวเสียชีวิตด้วยสาเหตุหัวใจวาย เฉียบพลัน ต้องบอกว่า จริงๆ สารที่ส่งผลให้ร่างกายเป็นแบบนั้นมีอยู่หลายตัว แต่ต้องไปดูอีกทีว่า หากมีการก่อเหตุจริง ผู้ก่อเหตุใช้สารตัวไหน
เบื้องต้นตอนนี้ได้รับการประสานมาแล้ว4ราย แต่ต้องดูว่าจะมีมาร้องเพิ่มอีกหรือไม่ ส่วนที่ญาติผู้ตายบางส่วนไม่กล้าเข้ามาให้ข้อมูล ตนอยากให้มั่นใจ เพราะตนเรียกสำนวนมาดูเองแล้ว อยากให้เข้ามาให้ข้อมูลจะได้เป็นประโยชน์ต่อคดี
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า หลังดูภาพกล้องวงจรปิด ที่ผู้ต้องสงสัยเดินผ่านที่เกิดเหตุ ก่อนจะหันไปดู แต่ไม่ได้ให้การช่วยเหลือ และเดินเลยออกไป ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่เป็นพิรุธ เพราะโดยปกติแล้ว คนเราจะไม่ปล่อยให้ใครตาย แต่ในกรณีนี้กลับเดินออกไป ก็ทำให้เป็นข้อสงสัยได้เช่นเดียวกัน ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์ ยิ่งต้องมีการสอบสวนอย่างละเอียด เพื่อความโปร่งใส
อย่างไรก็ตาม ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากพบมีการกระทำความผิดจริงก็ต้องถูกดำเนินคดี ทั้งนี้ไม่ใช่แค่ผู้หญิง แต่รวมไปถึงผู้เกี่ยวข้อง และอดีตสามี หากพบมีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องโดนเช่นเดียวกัน
ด้าน พ.ต.อ.ปิยะพงษ์ วงศ์เกตุใจ ผู้กำกับการ สภ.บ้านโป่ง(ผกก.สภ.บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ทาง สภ.บ้านโป่งไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ตอนที่ได้รับแจ้งเหตุ ตำรวจได้รับแจ้งว่าผู้ตายเป็นลม พอถึงโรงพยาบาลก็ทราบว่าผู้ตายได้เสียชีวิตแล้ว ก็ได้มีการส่งศพต่อไปที่นิติเวช ที่ จ.ราชบุรี ซึ่งผลการชันสูตร ก็ออกมาว่าหัวใจล้มเหลว
ส่วนตำรวจฝ่ายสืบสวนก็ทำงานคู่ขนานตรวจสอบกล้องวงจรปิด และได้มีการจับกุมผู้ต้อหา ในข้อหาลักทรัพย์ แล้วในเบื้องต้น จากนั้นตำรวจก็ส่งศพไปผ่าตรวจพิสูจน์อีกครั้งหนึ่ง ขณะที่อดีตสามีของผู้ต้องหา ตอนนี้ได้มีการย้ายออกจาก สภ.บ้านโป่ง ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี
ขณะที่การสอบปากคำเรื่องทรัพย์ที่ถูกนำไปทิ้ง ผู้ต้องหาอ้างว่า ไม่ได้เป็นคนเอาไป ยังให้การปฏิเสธ แต่หลักฐานอื่นเชื่อได้ว่าผู้ต้องหา เป็นผู้เอาทรัพย์สินนั้นไปจริงๆ จึงได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา ส่วนคลิปวงจรปิดที่ผู้ต้องหาเดินผ่านไม่ช่วยเหลือเพื่อน ผู้ต้องหาอ้างว่าต้องไปธุระต่อ ที่ จ.สุโขทัย จึงไม่ได้ให้การช่วยเหลือ ซึ่งทางผู้ต้องหาอ้างว่า ได้มีชาวบ้านให้การช่วยเหลือผู้ตายแล้ว แต่ที่แน่ๆ ผู้ต้องหาไม่ได้โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนจะเข้าข่ายพบเห็นคนกำลังเสียชีวิต แต่ไม่ให้การช่วยเหลือนั้นต้องไปดูในรายละเอียด ซึ่งพฤติการณ์นี้ตำรวจสงสัยตั้งแต่แรกแล้วว่าเป็นพฤติการณ์นี้ต้องสงสัย จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด หลังจากเกิดเหตุผู้ต้องหาก็ขับรถออกไปเลย
ส่วนเรื่องที่ผู้ต้องหาโกหกปกปิดญาติผู้ตายว่าไม่รู้เรื่องการเสียชีวิตของผู้ตายถึง3 วันนั้น ต้องบอกว่าการสืบสวนพบว่า ผู้ต้องหามีลักษณะเป็นคนแบบนี้อยู่แล้ว พูดไม่ตรง หลอกล่ออยู่เป็นประจำ ซึ่งร้อยเวรได้มีการสอบปากคำแล้ว แต่รายละเอียดอยู่ในสำนวน
ขณะที่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุจะไม่หลบหนีเพราะมีหลักทรัพย์ในการประกันอยู่ ส่วนจะเรียกมาสอบปากคำอีกหรือไม่ หากจำเป็นที่ต้องเรียกมาก็ต้องดำเนินการไปตามนั้น ยืนยันว่าคดีดังกล่าว ไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินคดี เพราะตอนนี้ก็เร่งรัดผลชันสูตรอยู่ ส่วนเรื่อง รอง ผกก.สอบสวน ที่มีการย้ายออกจากพื้นที่ ก็เพิ่งจะเข้ามาประจำการ ยังไม่มีผลอะไรกับคดี