13 พฤศจิกายน 2565 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เดินทางมาประชุมติดตามความคืบหน้าคดีกลุ่มชาวจีนที่เข้ามาลงทุนทำธุรกิจนอมินีในประเทศไทย ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีฯ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ ( 13 พ.ย.65 ) ได้เรียกประชุมฝ่ายสืบสวนของ ตร.และ บช.น. เกี่ยวกับเรื่องทุนจีนทั้งหมด รวมถึงยาเสพติดที่เข้ามาในประเทศ วันนี้เราจะไม่ได้มองคนจีนทั้งหมด ที่ผ่านมามีการปรึกษาหารือกับเอกอัครราชทูตจีน และในประเทศจีนเองก็มีการปราบปรามในเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งกลุ่มทุนสีเทาเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมี 2 สัญชาติ จะต่างกับคนจีนที่มีสัญชาติเดียว จึงทำให้เห็นว่าส่อไปในทางที่จะเข้าทำเรื่องไม่ดี และไม่อยากกลับประเทศจริง
วันนี้จะเอาข้อมูลทั้งหมดมาบูรณาการร่วมกันทั้งเส้นทางการเงิน ความเชื่อมโยงถึงบุคคลอื่น และในเรื่องสำนวนการสอบสวน คาดวันนี้น่าจะมีความชัดเจนยิ่งขึ้น จะมีการออกหมายจับให้ครบ ในเรื่องคดีของกลุ่มทุนจีนได้มีการเร่งรัดให้ดำเนินการให้เรียบร้อยภายใน 2-3 อาทิตย์นี้
“ใครที่อยู่เมืองไทยจะต้องจับให้หมด รวมถึงคนไทยที่ให้การช่วยเหลือ ไม่ว่าจะมีตำแหน่งใดก็ตาม ถ้ามีพยานหลักฐานโยงไปถึง ในส่วนคนจีนที่หนีออกนอกประเทศไปแล้วก็จะขออนุมัติหมายจับ เรดโนติส ประกาศสืบจับไปทั่วโลก”
สำหรับการขอหมายค้นล่าสุดได้มีการขอหมายค้น 30 จุด เราต้องไล่ทั้งหมดเช่น รถเป็นของใคร ปืนเป็นของใคร ซื้อที่ไหน คนไทยที่มีชื่อเป็นเจ้าของเราก็ต้องเอามาสอบทั้งหมด เพราะฉะนั้นการที่เราค้นคอนโดค้นตามตึกต่างๆ จะเห็นได้ว่าคนจีนเหล่านี้มีการซื้อทั้งชั้น มีการตรวจยึดได้ทรัพย์สินต่างๆ เราก็ต้องนำมารวบรวมไว้ในข้อมูลเดียวทั้งหมด
ทั้งนี้การทำงานของเจ้าหน้าที่ต้องเป็นไปด้วยความละเอียด โดยเฉพาะกับกลุ่มทุนจีน เหล่านี้ เป็นกลุ่มที่มีกำลังเงินสูง จะดำเนินคดีก็ต้องใช้ความรอบคอบ รัดกุม ชัดเจน แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะกลัวถูกฟ้อง แต่เพื่อให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วคดีไม่หลุด ทั้งนี้ขอเวลาในการประชุมรวบรวมข้อมูลเพื่อให้เกิดความชัดเจนแล้วจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบ