น.ส.วรรณพิชา จารุจินดา หรือ น้องดรีม อายุ 23 ปี ผู้เสียหาย กรณีถูกเต็นท์รถมือสองแห่งหนึ่ง ย่านปากเกร็ด หลอกขายรถกระบะมือสอง สภาพไม่พร้อมใช้งาน ได้เข้าปรึกษากับทาง นายเดชา กิตติวิทยานันนท์ ทนายความ โดยน.ส.นางสาววรรณพิชา เล่าว่า ได้ซื้อรถมือสองจากเต็นท์รถแห่งหนึ่ง ย่านปากเกร็ด นัดดูรถประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 31 สิงหาคม ก่อนตกลงซื้อขายในราคา 409,000 บาท โดยจ่ายค่าจองรถวันที่ดูรถ 5,000 บาท และตกลงผ่านชำระ ผ่านไฟแนนซ์ 9,906 บาท ต่อเดือน เป็นเวลา 60 งวด
น้องดรีมบอกอีกว่า จ่ายเงินดาวน์แล้วกำลังจะนำรถกลับบ้าน เดินไปเปิดประตู เพื่อขึ้นรถ ปรากฎว่า คอนโซลตรงประตูฝั่งคนขับ หลุดลงมา ทางร้านจึงจัดการซ่อมให้ เมื่อซ่อมเสร็จขับรถออกมาจากเต็นท์ ได้ประมาณ 100 เมตร ได้ยินเสียงคล้ายมีอุปกรณ์บางอย่างภายในรถหัก จากนั้นเห็นล้อรถด้านหน้าซ้าย วิ่งนำหน้ารถไป ก่อนพุ่งชนร้านสเต็กริมทางเสียหาย ตัวรถก็ครูดไปกับผิวจราจรจนเกิดประกายไฟ สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนและลูกค้าร้านสเต็ก
“หลังรถจอดสนิท จึงลงมาตรวจสอบและโทรศัพท์แจ้งเซลล์ของเต็นท์ ทางเต็นท์ส่งรถลากมานำรถกลับไปที่เต็นท์ พร้อมส่งเจ้าหน้าที่มาเจรจาค่าเสียหายกับร้านสเต็ก พร้อมรับปากจะชดใช้ค่าเสียหายกับร้านสเต็ก”
น้องดรีม เล่าต่ออีกว่า ตอนที่เกิดเหตุ หนึ่งในลูกค้าของร้านสเต็กริมทาง เป็นเซลล์ขายรถมือหนึ่ง ยี่ห้อดัง ได้ให้คำแนะนำว่า รถแบบนี้สภาพไม่พร้อมใช้งาน ต้องยกเลิกสัญญาทันที แต่ตัวเองไม่มีความรู้เรื่องกฎหมายข้อนี้ จึงขอร้องให้เซลล์คนดังกล่าวไปเป็นเพื่อน เซลล์คนนี้สงสารจึงยอมไปเป็นเพื่อน เพื่อช่วยเจรจา แต่ทางเต็นท์รถปฏิเสธที่จะคุยกับเซลล์ ยืนยันว่า จะคุยกับลูกค้าของเต็นท์เท่านั้น ตนเองจึงขอยกเลิกสัญญา คืนรถได้หรือไม่ เพราะไม่กล้าขับแล้ว
“ทางเต็นท์ปฏิเสธ อ้างว่า ”สัญญาเกิดขึ้น แล้วยกเลิกไม่ได้” แต่เนื่องจากตัวเองและสามี มีความเสี่ยงสูง แม้ร้านจะเปลี่ยนรถให้ไม่ได้ แต่สามารถเปลี่ยนประกันจากชั้นสองเป็นชั้นหนึ่งได้ทันที จึงจำใจต้องขับรถคันดังกล่าวกลับบ้าน ที่ จ.ชลบุรี ระหว่างทางฝนตก ปรากฎว่ารถหลังคารั่ว ตัวเองและสามีเปียกทั้งคู่ "
ต่อมาประมาณ 1 เดือน ทางร้านสเต็กโทรศัพท์ไปต่อว่าตนเองกับสามีว่าไม่มาชดใช้ค่าเสียหาย หากไม่มาชดใช้ เจ้าของร้านสเต็กจะไปแจ้งความดำเนินคดี ในฐานะคนขับรถและเจ้าของรถ จึงติดต่อทางเต็นท์เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว แต่ได้รับคำตอบจากเต็นท์ว่า “รถมีประกันชั้น 1 แล้ว ก็ให้ประกันจัดการไป ทำไมต้องให้เต็นท์จ่าย”
หลังจากนั้นตนรู้สึกกังวลว่าสามีจะตกเป็นผู้ต้องหา จึงไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.ปากเกร็ด และตัดสินใจเข้ามาปรึกษาที่ สำนักงานทนายคลายทุกข์ ของทนายเดชา ว่าจะสามารถยกเลิกสัญญาได้หรือไม่
“ทนายเดชา ได้แนะนำให้นำรถคันดังกล่าว ไปตรวจสภาพรถที่ศูนย์บริการ และประเมินราคาใหม่ ปรากฎว่า ทางศูนย์บริการแจ้งว่า “รถพังยกคัน” สาเหตุรถถูกชนอย่างหนัก ประกอบกับตัวรถทั้งคันเป็นสนิม เชื่อว่าอาจจะจมน้ำมาก่อน ส่วนสาเหตุที่ล้อหลุด เนื่องจาก ล้อทั้ง 4 ล้อ ไม่ได้ยึดน็อตไว้”
ด้านทนายเดชา เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวอาจมีความผิด ฐานขายของโดยหลอกลวง คุณภาพของอันเป็นเท็จ มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 หรือ การขายของอันหลอกลวงคุณภาพอันเป็นเท็จ ซึ่งกรณีนี้ผู้เสียหายสามารถนำรถไปคืนเต็นท์ ขอเงินคืน พร้อมเรียกค่าเสียหายได้ เพราะกรณีเช่นนี้ ศาลฎีกา เคยตัดสินแล้วว่า ถ้าหากได้รถเสื่อมคุณภาพ ไม่เป็นไปตามความประสงค์ของผู้ซื้อ ถือว่าผิดสัญญาซื้อขาย ไฟแนนซ์จะต้องรับผิดชอบ ในฐานะผู้ได้รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยตามสัญญาเช่าชื้อ จะอ้างว่า เป็นความผิดของเต็นท์ไม่ได้
อย่างไรก็ตาม กรณีเช่นนี้ สคบ.ต้องเข้ามาตรวจสอบเรื่องการขายรถมือสอง ให้การขายรถมือสองเป็นไปตามกฎหมาย และฝ่ายปกครอง จ.นนทบุรี ต้องเข้ามาตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องใบอนุญาตค้าของเก่า และสิ่งที่สำคัญ ต้องตรวจสอบกลับไปที่ กรมการขนส่งทางบกว่าผ่านการตรวจสภาพรถคันนี้มาได้อย่างไร
“จากการตั้งข้อสังเกตุยังพบเรื่องของทะเบียนรถยนต์ ที่รถอายุ มากกว่า 10 ปี ที่ตัวหน้าทะเบียนรถควรจะเป็นหมวดตัวอักษรสองตัวแต่กลับใช้ทะเบียนที่มีตัวเลขนำหน้า ซึ่งเป็นทะเบียนใหม่ และจากสำเนาเล่มรถยังพบว่ามีการจดทะเบียนในปี 2563 อาจจะมีการเลี่ยงการตรวจสอบประวัติของรถหรือไม่ รวมถึงในสำเนาเล่มรถยังพบว่าไฟแนนซ์ล่าสุดที่มีการถือกรรมสิทธิ์ของรถคันนี้ เป็นลำดับที่ 10 จึงเชื่อว่ารถคันนี้ผ่านการใช้มาหลายมือและอาจจะอยู่ในสภาพที่ใช้งานหนักจนมากลายเป็นสภาพนี้”