"เฉลิม" เดือด ท้า “เพื่อไทย” ไล่ออกจากพรรคฟันธง "รัฐบาล" ไปไม่รอด

24 กรกฎาคม 2567 บรรยากาศที่บ้านริมคลอง เขตบางบอน ตั้งแต่ 16.00น.วันนี้  มี สส.พรรคพลังประชารัฐ อย่าง นายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลประชารัฐ  ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช อดีตผู้สมัคร สส.พรรคพลังประชารัฐ เดินทางมาให้กำลังใจและร่วมบนโต๊ะแถลงข่าว 
   

ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า ไม่มีคนในพรรคเพื่อไทย เดินทางมาที่บ้านริมคลอง ตามที่เป็นกระแสข่าวก่อนหน้านี้ว่าจะมีสมาชิกพรรคเพื่อไทยหลาย ทั้งคนที่เป็นส.ส.และ อดีตผู้สมัครส.ส.ในช่วงที่ผ่านมา จะรวมตัวกันมาให้กำลังใจและพูดคุยสถานการณ์ทางการเมืองและความขัดแย้งภายในพรรค มีเพียงของพรรคพลังประชารัฐเดินทางมาเท่านั้น

จากนั้น 16.30 น. "ร.ต.อ.เฉลิม" พร้อมด้วย "นายวัน  อยู่บำรุง" ตั้งโต๊ะให้สัมภาษณ์เปิดใจ ในเวลานานกว่า 40 นาที ซึ่งเป็นการตอบในทุกประเด็นคำถามกับสื่อมวลชน

 

โดย "ร.ต.อ.เฉลิม" เริ่มพูดถึงประเด็นที่ได้ไปให้กำลังใจ "พล.ต.ท.คำรณวิทย์  ธูปกระจ่าง"  หรือ "บิ๊กแจ๊ส" ว่า ขณะนี้ มีการเพ่งเล็งมาที่ตนเองคิดว่าตนเองจะไปเข้าพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังไปไม่ได้ เพราะยังอยู่พรรคเพื่อไทย

"แล้วพรรคเพื่อไทยนั่นหล่ะ ที่จะให้ผมออกจากพรรค  แต่ยังหามุมมองไม่ได้ ผมไม่ได้ท้าทาย แต่กรุณาไล่ผมออกไวๆสังคมจะได้เปลี่ยนข่าวสาร"

 

พร้อมยอมรับว่า ตนเองได้ไปให้กำลังใจ "พล.ต.ท.คำรณวิทย์" ในวันที่ 30 มิถุนายน ที่มีการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี จริง โดยเป็นการไปหลังนับคะแนนเสร็จสิ้น และรู้ผลแล้วว่า "บิ๊กแจ๊ส" แพ้เลือกตั้งนายก อบจ. เนื่องจากเป็นพี่น้องที่สนิทกันมา และ"บิ๊กแจ๊ส"เคยสนิทกับคนที่นอนโรงพยาบาล ซึ่งตนเองขอไม่พูดว่าเป็นใคร  

 

และก่อนหน้านี้เคยไปให้กำลังใจ พอปีนี้ที่ตนเองไป คู่แข่งก็คนเดียว คราวนั้นไม่มีเรื่อง ทั้งที่เคยปราศรัยให้ "พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พรรคเพื่อไทยรู้แล้วทำไมถึงไม่ดำเนินการกับตนเอง  ทำไมคราวนี้มาคิดดำเนินการกับตนเอง และ คุณวัน 

หลังจากนั้นมีข่าวออกไป มีการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างรุนแรง  "ถ้าผมไม่มีวินัยพรรค คนในพรรคเพื่อไทย จะเหลือสัก 5 คนหรือไม่ นอกจากเออออห่อหมก เยินยอ อย่าให้ผมพูดมากกว่านี้ เพราะไม่อยากไปท้าทายไปทะเลาะกับเขา" เขามีตัวแทนเยอะมากที่จะตอบโต้ ปรากฏว่าก็มีการพูดกันไปมา จนกระทั่งมีการพาดพิงถึงพรรค 

 

 

โดยหลังจากที่เป็นข่าว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเข้ามาหาตนเองที่บ้าน และพูดคุยกันด้วยดี เหมือนว่าเรื่องจะจบ แต่มีการพูดกันไปพูดกันมาอีกรอบ ทำให้ผู้ใหญ่ในพรรคบางคนไม่พอใจ จึงขอถามกลับว่า ตนเองทำผิดหรือไปคิดร้ายอะไร และหลังจากนั้นมีการติดต่อให้ตนเองเข้าไปที่พรรคเพื่อไทยเพื่อพบกับหัวหน้าพรรค แต่ยืนยันว่าจะไม่เข้าไปหานายเศรษฐา ทวีสิน หลังจากนั้นปรากฏว่ามีการเรียก"นายวัน อยู่บำรุง" เข้าไปพบกับหัวหน้าพรรคอีกรอบหนึ่ง ซึ่งผู้มีอำนาจในพรรคถามนายวันว่า "ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง แล้วจะอยู่กันอย่างไร"  นายวันจึงตอบกลับว่า  "ถ้าอยู่กันไม่ได้ จะลาออกจากพรรคเพื่อไทยเอง" 

 

"ร.ต.อ.เฉลิม" ยังเล่าต่อว่า ความรู้สึกของตนเองเมื่อลูกชายถูกกระทำแบบนั้น อยากขอท้าให้พรรคเพื่อไทยไล่ตนเองออกจากพรรคให้เร็วที่สุด "การเมืองในสภาจะได้สนุกขึ้น ผมไม่ได้ทุจริต แค่ผมไปเยี่ยม" บิ๊กแจ๊ส"  จะต้องถึงกับถูกขับไล่ออกจากพรรคให้มันรู้ไป" 

 

ประกาศตนเป็น "เฉลิมอิสระ" 

 

" 20 กว่าปีที่อยู่พรรคเพื่อไทยไปหาเสียงเลือกตั้ง แต่ละครั้ง ควักเงินจ่ายค่ารถและค่าที่พักเอง ไม่เคยใช้เงินพรรคแม้แต่บาทเดียว พร้อมบอกว่า การแถลงข่าวครั้งนี้ไม่ได้ใส่อารมณ์ แต่บรรยากาศพาไป"  ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว 

 

พร้อมท้าคนที่เคยนอนโรงพยาบาล อยากให้มาดีเบตกับตนเอง และไม่ต้องขนคนมาให้วัดกันที่เก้าอี้ ส่วนกรณีที่"นายภูมิธรรม เวชยชัย" ให้สัมภาษณ์พาดพิงถึงตนเองนั้น "ร.ต.อ.เฉลิม" บอกว่า "เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้ วันนี้กลายเป็นศิษย์หลวงพ่อเพี้ยนไปแล้ว" 

 

"ร.ต.อ.เฉลิม" บอกอีกว่า ถ้าวันนี้ พรรคเพื่อไทยไม่ขับออกจะกลายเป็นความทุกข์ จะออกจะทำงานได้ยังไง แต่ยืนยัน ว่า หลังจากนี้ท่าทีการทำงานในสภาฯ เปลี่ยนแปลงไป 100% เพราะ "ผมไม่เอาพรรคเพื่อไทย"
   
เมื่อถามว่า จะอภิปรายรัฐบาลใช่หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ตอบว่า "คุณรู้ได้ยังไง คงแล้วแต่สถานการณ์"  ส่วนจะอภิปรายสัปดาห์หน้าเลยหรือไม่นั้น คงต้องใจเย็นๆ ออกแล้วต้องน็อค ออกแล้วต้องมีลำหักลำโค่นแน่นอนต้องจี๊ดจ๊าด ไม่ใช่อภิปรายแบบทุกวันนี้   ส่วนจะอภิปรายพรรคเพื่อไทยเป็นหลักหรือไม่นั้น คงจะต้องดูว่าใครทำผิด 
   

ทั้งนี้ขออย่าเรียกตนเองว่า เป็นฝ่ายค้านอิสระ ให้ใช้คำว่า "เฉลิมอิสระ" ดีกว่า เพราะมีแค่คนเดียว" 

 

เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคร่วมรัฐบาล "ร.ต.อ.เฉลิม" ระบุว่า วันนี้ยังไม่ได้ระบุว่าจะไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ เพราะ"ลุงป้อม"ยังไม่ได้อนุญาต วันนี้ยังไม่ได้มีการทาบทาม ยังเป็นพ่อมาลัยเร่ไปเร่มา ยังหาพรรคไม่ได้ ซึ่งตนเองไม่กลัวว่าใครจะมาแตะเบรก คนที่จะแตะเบรกได้มีคนเดียวคือตัวเอง 

 

ท้า "ทักษิณ" ดีเบต เหตุ รู้ไส้รู้พุงกัน 

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงความสัมพันธ์กับ" นายทักษิณ  ชินวัตร"  อดีตนายกรัฐมนตรี  "ร.ต.อ.เฉลิม"  ระบุว่า ชื่อยังไม่อยากได้ยิน ไม่มีแตกหัก แต่เค้าจะมาแคร์อะไรผม  ผมไม่แตกหักกับเขา แต่พร้อมที่จะดีเบต"  และเมื่อครั้งที่ "นายทักษิณ" อยู่ต่างประเทศ ก็คุยกันตลอด เพิ่งจะไม่คุยตอนกลับมาประเทศไทย ส่วนเพราะอะไรคงต้องไปถามเขา "ป่วยไม่ใช่หรอ" ที่ก่อนหน้านี้ที่อยู่ต่างประเทศตนเองเป็นคนรับผิดชอบคดีทั้งหมด 7 คดีให้นายทักษิณ 

 

ส่วนจะมีโอกาสเคลียร์ใจได้หรือไม่นั้น "ร.ต.อ.เฉลิม" ระบุว่า ไม่มีปั้นปลายชีวิตด้วยกันแล้ว ผมไม่ได้ปิดประตู เขาปิดประตูอยู่แล้ว ผมก็ไม่ได้อยากเปิดและถ้าถามใครมีบุญคุณต่อกัน ไม่มีใครรู้ ผมสิรู้ ฟ้าดินรู้ ใครมีบุญคุณกับใคร"

 

 

เมื่อถามอีกว่า แล้วคนที่จะดีเบตกับ "ร.ต.อ.เฉลิม" ต้องเป็น "นายทักษิณ"ใช่หรือไม่ "ร.ต.อ.เฉลิม" ระบุว่า ต้องเป็น"นายทักษิณ "เพราะ นอกจากทักษิณจะมีใครรู้ประวัติผม และนอกจากผมใครจะรู้ประวัติทักษิณ"  ทั้งนี้ ขอท้าพรรคเพื่อไทยด้วยว่า ถ้าจะปราศัยเชิญทางนี้ได้ แต่แต่ถ้าจะใช้อิเล็กทรอนิกส์ ผมไม่เป็น 

 

ส่วนถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ขับตนเองออกจากพรรค จะยกระดับการกดดันหรือไม่ "ร.ต.อ.เฉลิม" ระบุว่า บอกไม่ได้ ต้องเป็นความลับ อย่าเรียกว่าลากไส้เลย เรียกว่าใครเรียกว่าเอาความจริงมาบอกประชาชน 

 

นักข่าวยังถามถึง วันที่เข้าไปพบ "พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ"  มีการพูดคุยกันอย่างชื่นมื่นนั้นคุยอะไรกันบ้าง "ร.ต.อ.เฉลิม" ยอมรับว่า ได้คุยกับ"ลุงป้อม" จริง แต่ไม่บอกว่าคุยอะไร เพราะกับ"ลุงป้อม" รู้จักกันมาย่างเข้าปีที่ 30 ไปวันนั้นไปที่บ้านท่านก็ต้อนรับเหมือนคนกันเอง  เมื่อถามต่อว่าบ้านลุงป้อม บ้านพลังประชารัฐอบอุ่นดีหรือไม่ "ร.ต.อ.เฉลิม" ตอบว่า เหนือชั้นกว่าเยอะ ตนเองไม่เคยไปบ้านทักษิณ 

 

เมื่อถามว่า "พล.อ.ประวิตร" ได้จีบเข้าพรรคหรือไม่  "ร.ต.อ.เฉลิม" กล่าวว่า ไม่ต้องจีบ ถ้าถึงเวลาจะไปเอง เพราะเป็นคนใจง่ายอยู่แล้ว พร้อมย้ำว่า การที่คุยกับ "พล.อ.ประวิตร"  ถูกคอ ไม่ได้เป็นเพราะ "พล.อ.ประวิตร" และ"นายทักษิณ" แตกหักกัน ตนเองอายุปูนนี้แล้วจะไปคล้อยตามใครไม่ได้ ตนเองรู้จักทั้ง 2 คนมานาน แต่มองคนไม่ออก มองช้าไปต๋อยเดียวถึงต้องเป็นแบบนี้ พร้อมย้ำว่า การที่ออกมาพูดวันนี้ไม่ใช่การลากไส้ แต่เป็นการเอาความจริงมาบอกประชาชน 

 

เมื่อถามว่า หากพรรคเพื่อไทยขับออก พรรคพลังประชารัฐคือตัวเลือกแรกที่จะไปหรือไม่ "ร.ต.อ. เฉลิม" บอกว่า หากตนเองบอกตอนนี้เดี๋ยวพรรคพลังประชารัฐจะมาว่าได้ เพราะยังไม่รับเลย   แต่เมื่อถามว่าวันนี้ก็มีคนจากพรรคพลังประชารัฐมาด้วย ร.ต.อ.เฉลิม พูดเปรยว่า "ก็มาแบบนี้ แสดงว่ามีโอกาสไป" 

 

ส่วนจะมีโอกาสได้เห็น "พล.อ.ประวิตร" สวมเสื้อพลังประชารัฐให้หรือไม่ "ร.ต.อ.เฉลิม" บอกว่า "เขายังไม่ไล่ ผมไปบ้านแจ๊ส กรุณาไล่ผมออกหน่อย พรรคเพื่อไทย แต่อยากฝากไปถึงไอ้อ้วนภูมิธรรม ไม่ใช่เรื่องของเอ็งโดยตรง อย่าออกมายุ่งมากนัก คนเรามันต้องนึกถึงความหลังกันบ้าง ไอ้พวกที่ไม่นึกถึงความหลัง สุดท้ายถึงจะร่ำรวย แต่ใจไม่มีสุข" 

  

ส่วนกรณีที่ "นายสามารถ เจนชัยจิตวนิช" สมาชิกพลังประชารัฐ และอดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เคยกล่าวว่า"ร.ต.อ.เฉลิม"อยู่พรรคไหนพรรคนั้นจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี "ร.ต.อ.เฉลิม"  ตอบทันทีว่า ก็ใช่ พรรคได้เป็น  เมื่อถามต่อว่าถ้าไปพรรคพลังประชารัฐ "ลุงป้อม" จะได้เป็นหรือไม่ "ร.ต.อ.เฉลิม" บอกว่าอย่าพึ่งไปถึงขั้นนั้น เพราะในพรรคเค้าก็มีสมาชิก 

 

"ป๋าเหลิม"ฟันธง แจกหมื่นฯ ไม่สำเร็จ รัฐบาลเจ๊ง

 

"ร.ต.อ.เฉลิม" ยังบอกอีกว่า วันนี้มีอดีตผู้แทนที่สอบไม่ได้หลายคนจะมาให้กำลังใจ แต่โทรมาบอกว่า มาไม่ได้แล้ว มีคนห้าม ก็เลยบอกกลับไปว่า ไม่ได้ชวน แค่นักข่าวมาเยอะขนาดนี้ ดังกระหึ่มแล้ว ถือเป็นข่าวใหญ่ในรอบปี 

 

เมื่อนักข่าวถามถึงโครงการดิจิทัล Wallet ของรัฐบาลมองอย่างไรนั้น "ร.ต.อ.เฉลิม" ตอบว่า “ผมไม่เห็น และผมว่ารัฐบาลก็เก้ๆ กังๆ  แอคอาร์ตสมาร์ทการ์ด” ถ้าถามว่าสำเร็จได้หรือไม่นั้น ตนเองมองว่า "ไม่สำเร็จ"  และเรื่องนี้อาจจะมีการสอบสวนทางคดี พูดไปก็หาว่าขู่ พูดไปก็หาว่าแบล็คเมล์ ผมคงพูดไม่ได้ 

 

ทั้งนี้นักข่าวให้ประเมินรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม ตอบทันทีว่า "เจ๊ง! ฟันธง ยกองค์เลย เจ๊ง อยู่ไม่ได้เพราะมันพกปืนคนละกระบอกอยู่ข้างหลัง"  ส่วนจะเจ๊งถึงขั้นยุบสภาหรือเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ตอบว่า ยังพูดไม่ได้ถึงขั้นนั้น  แต่เมื่อถามว่ารัฐบาลจะครบสี่ปี หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมตอบว่า ชาติหน้าบ่ายๆ เพราะกลุ่มคณะการเมืองรวย แต่ประชาชนยากจน ปราบยาก็ไม่ประสีประสา 

 

พร้อมยืนยันว่า ไม่ได้เกลียดหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นการส่วนตัว และไม่กล้าไปพูดถึง เพราะบารมีเราไม่ควรไปก้าวก่าย ท่านเป็นหัวหน้าพรรค เรายังไม่มีพรรค อย่าไปอวยพรอะไรถึงท่านเลย อวยพรไปก็ลิเกเปล่าๆ