17 มิถุนายน 2565 นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ และ รมว.แรงงาน แถลงว่า ได้ทำหนังสือยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 โดยเชื่อว่าเป็นญัตติเถื่อน เพราะช่วงเช้าวันที่ 15 มิ.ย.65 ในญัตติยังไม่มีการแก้ไขรายชื่อผู้ถูกอภิปรายเพิ่มเติม ต่อมาช่วงเที่ยงนายสุทิน คลังแสง ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ยังแถลงว่ายื่นอภิปรายรัฐมนตรี 10 คน แต่ช่วงบ่ายของวันเดียวกันที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน นำตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นญัตติต่อประธานสภาฯ ปรากฏว่ามีจำนวนผู้อภิปรายเพิ่มขึ้นจาก 10 คน มาเป็น 11 คน
ทั้งนี้ ถามว่าส.ส.ฝ่ายค้านที่ลงชื่อในญัตติตามมาเซ็นญัตติทันหรือไม่ และรับรู้หรือไม่ว่าได้เพิ่มจำนวนผู้ถูกอภิปรายจาก 10 คน เป็น 11 คน เชื่อว่า นพ.ชลน่าน เป็นลูกผู้ชาย ท่านรู้ว่าท่านทำผิดรัฐธรรมนูญหรือผิดกฎหมายหรือไม่ในการสับร่างญัตติ โดยที่ส.ส. 180 กว่าคนไม่ได้เซ็นญัตติใหม่ ตนไม่ได้ติดใจว่าจะยื่นกี่คนและจะยื่นตนหรือไม่ แต่สภาฯต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย ถ้าท่านรู้แก่ใจให้เอาร่างกลับไปเซ็นใหม่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย
“ร่างญัตติเดิมมี 10 คน เพื่อนผมในฝ่ายค้านหลายคนก็รับไม่ได้ เขาเป็นสมาชิกฝ่ายนิติบัญญัติ เขารู้สึกว่าผู้อิทธิพลคนเดียวสามารถแก้ญัตติเพิ่มเติมให้สภาเสื่อมเสียไม่ได้ จึงมาบอกผม ตอนเซ็นเพื่อนผมก็เซ็น 10 คน แต่ช่วงบ่ายมีการเปลี่ยนเอกสารแผ่นหลังในส่วนของรายชื่อ คนเราเป็นลูกผู้ชายรู้อยู่เต็มอกถ้าทำผิดให้เอากลับไปเซ็นใหม่ให้ถูกต้อง ไม่ให้สภาเสื่อมเสีย ผมต้องการแค่ความถูกต้อง" นายสุชาติ กล่าว
ทั้งนี้ขอถาม นพ.ชลน่าน ว่าท่านกล้าจุดธูปสาบานหรือไม่ ว่าตอนเซ็นชื่อมีชื่อรัฐมนตรีถูกอภิปราย 10 หรือ 11 คน ผมไม่มีอะไรกับนพ.ชลน่าน และชื่นชมด้วยซ้ำว่าเป็นคนมีความรู้ ความสามารถ แต่โดนอะไรครอบงำก็ไม่รู้ กลัวอะไร กลัวยื่นไม่ทันหรือมีใครบีบจนหน้าเขียวหรือเปล่า โกหกคนอื่นได้แต่โกหกตัวเองไม่ได้ จึงขอให้ทบทวนบทบาทของตัวเอง
นาสุชาติ กล่าวด้วยว่า เรื่องนี้พล.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ทราบดี ไปถามท่านก็ได้ว่าตอนเซ็นชื่อในญัตติมีรัฐมนตรีถูกอภิปรายกี่คน ท่านเป็นคนตรงอยู่แล้ว เชื่อว่าพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ จะพูดความจริง ส่วนเรื่องนี้จะไปถึงศาลหรือไม่ต้องดูอีกครั้ง และขอดูประธานสภาฯก่อนว่าจะดำเนินการอย่างไร