ยังเป็นดราม่าที่ชาวเน็ตให้ความสนใจและยังไม่มีข้อสรุป กรณีดราม่าเรื่องราวใต้พรมของเพจเกี่ยวกับช่วยเหลือหมาแมวจรจัด ที่โพสต์ข้อความคล้ายแสดงละคร ทำนองว่า “ขอยุติเดินต่อไม่ไหวแล้ว” แต่ฉากหลังกลับนำเงินบริจาคไปลงทุนต่าง ๆ นอกเหนือจากช่วยเหลือสัตว์ตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค
ซึ่งภายหลัง “หนูนา” หรือ “กิ่งวราภร ศาลาประทีป” เจ้าของเพจ "หมามะเร็ง Dogs Cancer " ได้ไปชี้แจงผ่านรายการข่าว หลังถูกแฉรวยเพราะรับเงินบริจาค ? ก่อนจะตามมาด้วยเสียงวิจารณ์อย่างหนักถึงขึ้น หลังหนูนาอ้างว่า ตัวเองทำธุระกิจอย่างอื่นมาก่อน ทำให้พอมีเงินบ้าง พิธีกรคนดังประกาศจ่อลาออกจากรายการเซ่นดราม่าดังกล่าว (อ่านข่าว)
ล่าสุดวันนี้ (6 มิ.ย.) ทางเทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้วสั่งดำเนินการ 4 ข้อ ส่วนที่ผิดให้ดำเนินการตามกฏหมายเด็ดขาด โดยนายดรัญซะ สติมั่น ทนายความนางสาวกิ่งวราภร ซึ่งได้รับมอบหมายมาแทน เนื่องจากนางสาวกิ่งวราภร ไม่สบายเข้าโรงพยาบาลหลังเครียดสะสม และได้เข้าชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่เทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว รวมถึงมารับทราบข้อกล่าวหาแต่ไม่มีเอกสารใด ๆ มาชี้แจงแม้แต่แผนเดียว
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่มีการชี้แจงประเด็นที่เกิดขึ้นโดยแบ่ง ออกเป็น 2 ประเด็นหลัก คือเรื่องความผิด มี 4 ข้อ
1. เป็นกิจการที่เข้าข่ายเป็น "กิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ"
2. เป็น "เหตุรำคาญ" ตาม พ.ร.บ.การสาธารณะสุข พ.ศ. 2535
3. ปลุกสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต
4.ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ในเทศบัญญัติเรื่อง การปล่อยสัตว์เลี้ยงสัตว์
ส่วนประเด็น เรื่องการทารุณกรรมสัตว์ ขณะนี้ตั้งข้อสังเกตไว้และจะตรวจสอบอีกครั้ง ประเด็นที่ 2 เรื่องของการดำเนินกิจกรรมไม่ถูกสุขลักษณะ หลังจากนี้จะต้องตรวจสอบและแนะนำต่อไปหากต้องการเปิดกิจการต่อ
นายดรัญซะ ทนายความ เปิดเผยว่า ได้พูดคุยกับเจ้าของเพจซึ่งตอนแรกไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยเหลือใหญ่ขนาดนี้ แต่พอมีคนส่งมาให้ก็ต้องรับ ซึ่งเงินเข้าออก 4 ปี จนถึงปัจจุบันประมาณ 33 ล้านบาท ถึงแม้จะมีการฟ้องร้องเรื่องความไม่โปร่งใสและเป็นคดีความไปในช่วง 2 ปีที่แล้ว หลังจากนั้น พอมีปัญหาก็พยายามให้ดีที่สุด ซึ่งทางเจ้าของเพจแจ้งว่า ทำทุกอย่างลงไปโดยไม่รู้ข้อกฎหมาย ส่วนเรื่องที่ทำผิดก็ยอมรับและอยากขอคำแนะนำเพื่อที่จะดำเนินกิจการต่อ
ด้าน นายยศวัฒน์ ภูวรัตน์เลิศคุณ นายกเทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว เผยว่า เจ้าของกิจการมีฝ่าฝืนในคำสั่งตั้งแต่ ปี 61 ซึ่งขณะนั้นมีการร้องเรียนและตรวจสอบแล้วให้มีการระงับกิจการไปจนถึงปัจจุบัน ก็ยังมีการรับสุนัขมาอยู่ซึ่งเป็นการทำให้ผิดขอบังคับดังกล่าวชัดเจน หลังจากนี้จะมีการดำเนินคดีตามกฎหมายร่วมไปถึงวันนี้มอบหมายทนายมาแต่ไม่มีใบมอบอำนาจก็จะดำคดีไปตามกฎหมายอีกเช่นกัน ซึ่งแนวทางและข้อตกลงของทางนายกเทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้วสั่งไว้ 4 ข้อคือ
1.จะต้องไม่รับสัวต์เข้ามาดูแลอีก
2.ต้องระงับความรำคาญ 1 เดือนทั้งกลิ่นและเสียง
3.ให้ดำเนินการขอจัดตั้งมูลนิธิให้เร็วที่สุด
4.ให้ขนย้ายสุนัขภายใน 6 เดือน
ส่วนรายละเอียดดังกล่าว จะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง ส่วนเรื่องการดำเนินคดีทั้งหมดหากเจ้าของเพจไม่มาอีกใน วันอังคาร ที่ 14 มิถุนายน 2565 เวลา 10.00 น. ที่เทศมนตรีตำบลเกล็ดแก้ว จะมีการดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้สำหรับเรื่องข้อกฎหมายของการเปิดรับบริจาคนั้น ทางเพจเฟซบุ๊กชื่อดัง Drama-addict ได้ระบุว่า
คนที่ทำพวกมูลนิธิ หรือขอเรี่ยไรเงินไปทำไรนี่ ระวังไว้คือการขอรับบริจาค ถ้ามีการจดแจ้งเป็นมูลนิธิ ทำถูกต้อง
ใช้บัญชีของมูลนิธิรับบริจาค ไรงี้ ไม่มีปัญหา เพราะเวลาสรรพากรตรวจสอบถ้าเข้าข่ายมูลนิธิที่รับบริจาคเพื่อการกุศล ตามนิยามนี้
https://www.rd.go.th/44183.html
ตามกฏหมายเขามีการยกเว้นภาษีให้ตามนี้
https://www.rd.go.th/44189.html
แต่ถ้าไม่ได้จดเป็นมูลนิธิ ไม่ได้คุยสรรพากร แล้วเอาบัญชีส่วนตัวมารับบริจาคนี่ โอ้ย ไอ้สัส ขนลุก เพราะมันจะไม่เข้าข่ายการเป็นมูลนิธิเพื่อการกุศล และถ้าไม่สามารถหาหลักฐานไปยืนยันกับสรรพากรได้ ว่าเงินเอาไปทำการกุศลจริง ก็จะกลายเป็นเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งคิดอัตราภาษีแบบก้าวหน้า ฐานภาษีที่ 35% เลยทีเดียวถ้าเงินบริจาคเยอะพอ จ่ายภาษีกันขี้แตกเลยครับ
เคยมีกรณีตัวอย่าง ที่คนไปเอาบัญชีส่วนตัวไปรับเรี่ยไร ปรากฏว่าโดนฟ้องเรื่องภาษี ศาลสั่งให้จ่ายภาษีหลักร้อยล้านบาท หมดตัวล้มละลายกันไปเลยก็มี เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ดังนั้นใครคิดจะทำการกุศล ทำมูลนิธิ อย่าลืมศึกษาเรื่องภาษี ไม่งั้นปังปิ๊นาศได้เลย
เพิ่มเติมข้อมูลจากไอ้กบ****
รายได้ที่เกิน 1.8 ล้านขึ้นไป โดนvat ตั้งแต่ 1 บาทแรกที่เกิน โดนทั้งเบี้ยปรับ ที่มีอาญา กับเงินเพิ่มอีกตังหาก
อันนี้กรณียื่นเองนะ ถ้าโดนตรวจแบบสรรพากรเรียก จะหนักกว่าในตารางคือ 50% หรือ 1 เท่าของค่าภาษีเลย คนส่วนใหญ่พังเพราะโดน vat ย้อนหลัง
ขอบคุณช้อมูลเพจ Drama-addict