นายกรัฐมนตรีฟุมิโอ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ร่วมประชุมกับคณะทำงานรับมือโควิด-19 ของรัฐบาล ในวันนี้เพื่อขยายมาตรการควบคุมการระบาด และประกาศว่า รัฐบาลตัดสินใจประกาศให้กรุงโตเกียวและอีก 12 จังหวัดอยู่ภายใต้ภาวะกึ่งฉุกเฉินตามคำเรียกร้องของทางจังหวัด ซึ่งจะทำให้แต่ละจังหวัดได้เตรียมพร้อมระบบสาธารณสุขอย่างเหมาะสม และออกมาตรการอย่างชัดเจนเพื่อควบคุมจำนวนผู้ติดเชื้อให้ลดลง
ประกาศภาวะกึ่งฉุกเฉินจะมีผลบังคับใช้ 3 สัปดาห์ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.จนถึงวันที่ 13 ก.พ. ครอบคลุมจังหวัด ไซตามะ, ชิบะ, คานางาวะ, กุนมะ, นีงาตะ, กิฟุ, ไอจิ, มิเอะ, คุมาโมโตะ, มิยาซากิ, นางาซากิ, คางาวะ และกรุงโตเกียว และให้อำนาจผู้ว่าการกรุงโตเกียวและผู้ว่าการอีก 12 จังหวัดสามารถขอความร่วมมือจากร้านอาหารและบาร์ให้ปิดบริการเร็วขึ้น งดหรือลดการเสิร์ฟเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "นี่เป็นการต่อสู้กับไวรัสที่ไม่รู้จัก แต่เราคาดหวังว่า จะสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ขณะนี้ไปได้ ด้วยการเตรียมพร้อมรับมืออย่างเพียงเพอ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะมากเกินไป"
การตัดสินใจนี้มีขึ้นในขณะที่กรุงโตเกียวมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 7,377 คนในวันนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุดครั้งใหม่นับตั้งแต่ทำสถิติที่ 5,908 คนเมื่อ วันที่ 13 ส.ค. แต่จำนวนผู้ป่วยยังไม่ถึงขั้นทำให้โรงพยาบาลเผชิญภาวะตึงตัว ขณะนี้โตเกียวมีผู้ป่วยครองเตียงเพียงเกือบ 1 ใน 4 ของทั้งเมือง และมีผู้ป่วยหนักเพียง 2% จากจำนวนผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลทั้งหมด
อย่างไรก็ตามทางการญี่ปุ่น กังวัลว่า โรงพยาบาลอาจไม่สามารถรองรับผู้ป่วยได้หมดในอนาคต หากแนวโน้มการระบาดยังพุ่งขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ และทำให้ผู้สูงอายุ และผู้มีปัญหาสุขภาพติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีอีกความกังวลเรื่องการขาดแคลนบุคลากรการแพทย์ เนื่องจากมีจำนวนเจ้าหน้าที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงสัมผัสผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนสถานการณ์ระบาดทั่วประเทศญี่ปุ่นทำสถิติมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 32,197 คน เมื่อวันอังคาร ซึ่งเกินกว่า 30,000 คนเป็นครั้งแรก และทำลายสถิติเก่าที่ 25,992 คนเมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นหลายเท่าตัวจากกว่า 500 คนช่วงต้นปีใหม่