วันนี้ (31ส.ค.64) ที่รัฐสภา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลุกขึ้นชี้แจงภายหลังพลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเสรีรวมไทย อภิปรายว่า ในฐานะที่พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ เป็นรุ่นพี่ตน หลายอย่างรู้สึกว่าคิดไม่ตรงกันเท่าไหร่ อาจจะประสบการณ์ต่างกัน เนื่องจากพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เป็นเพียงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ตนเป็นนายกรัฐมนตรี ประสบการณ์จึงต่างกัน แต่สิ่งที่อ้างตนไม่รู้เรื่องนู้นเรื่องนี้ ซึ่งการจัดทำงบประมาณ ที่บอกว่าขาดดุลมาไม่มีความก้าวหน้าไม่มีแผนงานใช้เงินเพื่อปูพื้นฐานทางการเมือง
พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนการดูแลทางสังคมให้กับประชาชนในกลุ่มเปราะบาง มีการเพิ่มเงินถึงแม้ว่าจะไม่มากนักไม่เป็นที่น่าพอใจแต่ก็เพิ่มให้แล้ว ไม่ได้น้อยไปกว่าเดิม และคาดหวังว่าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะเพิ่มตัวสูงขึ้น ช่องว่างระหว่างรายได้ของประชาชนจะลดลง เพิ่มความเสมอภาคในแต่ละกลุ่มเปราะบาง รัฐบาลเอามาดูทุกกลุ่ม จะให้ได้แค่ไหนมากน้อยเพียงใด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับงบประมาณที่มีอยู่ โดยเฉพาะในช่วงนี้มีการจัดเก็บรายได้ที่น้อยลง และจะบริหารจัดการงบประมาณที่มีอยู่ให้ดีที่สุด
นายกฯ ระบุว่า ที่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ บอกบริจาคเงินมากกว่าตน เป็นเรื่องที่ดี ขอบคุณมาก ตนก็มีแต่เงินเดือนไม่ได้เป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ได้มีลูกหลาน ทำธุรกิจที่พักรีสอร์ท มีเงินเดือนเท่านั้นที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ และไม่เคยเรียกรับผลประโยชน์จากใครทั้งสิ้น อันนี้ตนยืนยันได้ ซึ่งตนได้สวดมนต์ทุกวัน เพราะฉะนั้นตนจะไม่ทำอะไรที่มันผิดขอให้เข้าใจกันด้วย
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า “ที่ตนจำเป็นต้องพูดกับพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เนื่องจากเป็นรุ่นที่ตน พูดอยู่เสมอว่าเป็นรุ่นพี่เท่านั้นปีเท่านี้ปี น้องนุ่งก็เคารพอยู่ ก็ระวังแล้วกันวันข้างหน้า เขาจะไม่เคารพก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาคิดเป็นแล้วเด็กในวันนี้ จริงๆ แล้วยังไม่ถึงเวลาที่ผมพูด แต่ก็จำเป็นเพราะเป็นพี่ผม ก็ต้องพูดซะหน่อยตั้งใจจะไม่พูดแต่เผอิญท่านพูดมาก่อน ตำหนิน้องท่านมากไปสักนิด ตนก็ไม่โกรธไม่เคือง แต่ขอให้คำนึงถึงความจริง
และฝากไปยังประชาชนที่รับชมจากที่บ้านหากได้ฟังตนอยู่ตอนนี้ ขอให้ดูหน้าผม พร้อมฟังผม ผมพูดจากหัวใจของผม สมองที่ท่านว่าน้อยของผม แต่อย่าลืมว่าผมมีประสบการณ์ถึง 6-7 ปี ตรงนี้คือความแตกต่างที่ผมน่าจะรู้มากกว่า
ยืนยันรัฐบาลทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ความเป็นห่วงเป็นใยประชาชนและพิจารณาตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นหลายอย่างที่พูดภายในเช้านี้ ทั้งราคาวัคซีน การบริหารกัน จะมีรองนายกฯ ชี้แจงได้หมดทุกข้อ ขอให้รอฟังถ้าไม่ใช่ให้ไปตรวจสอบ แต่ถ้าไปพูดข้างนอกอาจมีปัญหา ไม่ได้ขู่ เพราะเป็นการพูดในสภา ต้องระมัดระวังเหมือนกัน เพราะประชาชนเข้าใจผิด”