ระนองส่งเมียนมาร์ 74 คนกลับประเทศทางเกาะสอง

5 มิถุนายน 2564 ที่ด่านพรมแดนชั่วคราว ประภาคารกาญจนาภิเษก ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนอง นายสมเกียติ ศรีษะเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจ.ระนอง ศร.ชล.จ.ระนอง ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจ.ระนอง ทหารฉก.ร.25 ตำรวจสภ.ปากน้ำระนอง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจ.ระนอง และนายเทะ เว เพียว ผู้ช่วยทูตแรงงานสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ประจำประเทศไทย ร่วมทำการส่งกลับผู้ต้องกักชาวเมียนมาร์เพิ่มเติมอีกจำนวน 74 คน

โดยกลุ่มแรงงานดังกล่าวมาจากหลายจังหวัดในภาคใต้ อาทิ ระนอง พังงา กระบี่ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และภูเก็ต ซึ่งทั้งหมดได้พ้นจากการควบคุมตัวของการไทยในหลากหลายข้อหา เช่น ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ให้ที่พักพิงผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมือง ยาเสพติด ทำร้ายร่างกาย และอีกหลายข้อหา

ซึ่งทางการไทยได้ทำการประสานไปยังทางการเมียนมาร์ ในเรื่องการดำเนินการด้านเอกสารในการเดินทางจากจังหวัดระนอง เพื่อกลับเข้าด่านจังหวัดเกาะสอง ประเทศเมียนมา เนื่องจากด่านพรมแดนทั้งสองประเทศได้ปิดชั่วคราวอันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19

                โดยทางการเมียนมาร์ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบเอกสารเพื่อความถูกต้อง และได้ใช้เรือโดยสารหางยาวที่วิ่งระหว่างประเทศของทั้ง 2 จังหวัด ทำการส่งแรงงานทั้งหมดกลับสู่จังหวัดเกาะสอง
นางสาวมาละเท้ ผู้ต้องกักสาวชาวเมียนมาร์ กล่าวว่า ตนเองเข้าเมืองและทำงานอยู่ที่จังหวัดชุมพรถูกต้องตามกฎหมายมาแล้ว 11 ปี และมีแฟนอยู่ที่จังหวัดชุมพรด้วย แต่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมในข้อหาให้ที่พักพิงแรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย ตอนนี้พ้นโทษแล้วและถูกส่งกลับประเทศ โดยบ้านเกิดของตนอยู่ที่จังหวัดทะวาย ซึ่งเมื่อถูกส่งกลับไปแล้วก็คิดว่าจะหางานทำที่บ้านเกิดของตนเอง และคาดว่าแฟนของตนคงจะเดินทางกลับไปในเร็ววันด้วย

ทางด้านนายสมเกียรติ ศรีษะเนตร ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ได้กล่าวกับชาวเมียนมาที่ถูกส่งกลับว่า ประเทศไทยยังต้องการแรงงานในการทำงานอีกเป็นจำนวนมาก จึงอยากจะให้ทุกคนเข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมาย  

           อย่าได้กระทำความผิดใดๆ ที่จะต้องถูกจำคุกและส่งกลับแบบนี้อีก ซึ่งช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทางการไทยได้จับกุมชาวเมียนมาร์ลักลอบเข้าเมืองได้ 3 คน ซึ่งแต่ละคนต้องเสียเงินไปคนละ 1-2 หมื่นไปโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย