เลี้ยงหนูนาขาย ออร์เดอร์พุ่งได้เดือนละ 20,000 บาท
นครราชสีมา-วันนี้ (22 สิงหาคม 2563)นางจำลอง ธาตุตะนะ เกษตรกรรายหนึ่งในอำเภอโนนแดง จังหัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า เดิมประกอบอาชีพทำงานเป็นหลัก แต่เนื่องจากประสบปัญหาภัยแล้งต่อเนื่อง ขาดแคลนน้ำทำนา จึงต้องผันตัวมาเลี้ยงหนูนาเพื่อหารายได้มาเสริม ซึ่งปัจจุบันการเลี้ยงหนูนามีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี ได้รับความนิยม และมีการบริโภคหนูนาเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่ช่วยสร้างรายได้ให้อย่างาม เพราะเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย โตเร็ว ขายได้ราคา และต้นทุนต่ำ
ซึ่งตนเป็นคนที่ชอบกินหนูนาอยู่แล้ว แต่หนูนาตามธรรมชาติหาได้น้อยเต็มที จึงได้นำหนูนาที่จับได้และตัวโตพอจะเป็นพ่อพันธุ์แม่พันธุ์นำมาเลี้ยงไว้ในบ่อซีเมนต์ จำนวน2วง วางซ้อนกันให้สูง ป้องกันไม่ให้หนูปีนออก ปิดก้นบ่อด้วยปูนป้องกันหนูขุดรูหลบหนี หรือจะก่อบล็อกทำคอกเลี้ยงก็ได้ แต่แนะนำให้ใช้วงบ่อปูน เพราะดูแลง่าย และประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า จากนั้น นำแกลบมาวางที่ก้นบ่อเพื่อกันชื้น ซึ่งหนูชอบความเงียบไม่ชอบเสียงดัง จึงต้องจัดระบบนิเวศให้คล้ายกับธรรมชาติมากที่สุด จากนั้น นำพ่อแม่พันธุ์ตัวผู้3ตัว ตัวเมีย6ตัว ใส่ลงในบ่อ เลี้ยงรวมกันหลายครอบครัวได้เพื่อประหยัดเนื้อที่ และไม่ต้องกลัวหนูกัดกัน เพราะหนูเป็นสัตว์สังคม หากินเป็นฝูง
หลังจากนั้น2สัปดาห์ ให้เช็คตัวเมียทุกตัว ถ้าตั้งท้องให้แยกออกไปเลี้ยงเดี่ยว เพื่อขุนให้สมบูรณ์จนกว่าจะคลอด ผ่านไป25วัน แม่หนูจะคลอด ลูก6-12ตัว แล้วแต่ความสมบูรณ์ของแม่พันธุ์ เลี้ยงรวมกับลูกไปอีก1เดือน ระหว่างนี้ต้องระวังไม่ให้แม่หนูเครียดจนกินลูกตัวเอง หลังจากนั้น จึงแยกลูกออกไปเลี้ยงต่างหากส่วนการให้อาหาร หลักๆจะเป็นข้าวเปลือก ข้าวโพด สลับกับหญ้าขน อาทิตย์ละ2ครั้ง เพื่อช่วยให้ขนสวย สุขภาพดี ส่วนเรื่องโรคไม่น่าเป็นห่วงเพราะหนูนาเกิดในที่ควบคุม จะมีความสะอาด อยู่ในบ่อปิด โอกาสติดเชื้อจึงไม่มี เมื่อนำหนูนาไปขาย จะแยกขายหนูเนื้อพร้อมชำแหละในราคา กิโลกรัมละ200-250บาท ถ้าขายพ่อแม่พันธุ์ จะขายคู่ละ500-900บาท ทำให้มีรายได้เดือนละ15,000-20,000บาท ซึ่งตอนนี้ มีออร์เดอร์สั่งเข้ามาจำนวนมาก ทำเท่าไรก็ไม่พอขาย แม้ว่าจะมีขยายบ่อเลี้ยงเพิ่มเป็น30บ่อ มีหนูมากกว่า100ตัว แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด