มี "เอกพัน บรรลือฤทธิ์" น้องชายฝาแฝด พร้อมทีมมูลนิธิร่วมกตัญญูลงพื้นที่แจกเงินชาวบ้านรวม 317 ครัวเรือน นายประดิษฐ์ สุริโย ประธานกรรมการชุมชนคูเดื่อเป็นผู้รวบรวมรายชื่อผู้ประสบภัยทั้งหมด และมี 4 ครอบครัวที่ยังไม่มีเลขที่บ้านเป็นบ้านงอกเงยและได้รับการพิจารณาจากคณะกรรมการหมู่บ้านจัดส่งชื่อให้มีสิทธิ์รับเงินบริจาคนี้ด้วย ทำให้ไม่มีปัญหาตกหล่น ทั้งนี้ ผู้นำชุมชนมอบพระเครื่องพระศรีอริยเมตไตรยแบบวางไว้หน้ารถยนต์ให้เป็นที่ระลึกตอบแทนเป็นสินน้ำใจด้วย
โดยบิณฑ์ให้สัมภาษณ์ว่า ปัจจุบันยอดเงินบริจาคทะลุ 400 ล้านบาทแล้ว เป็นเงินจากพี่น้องทุกคนร่วมใจกันช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย มีเงินของตนเพียง 1.7 ล้านบาท เงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีผู้บริจาคจะทำให้โปร่งใสที่สุด อย่างไรก็ตาม เพิ่งทราบข้อมูลว่ามีการหักหัวคิวจากผู้นำชุมชน แต่ยังไม่ทราบข้อเท็จจริง หากมีจริงก็ขอประณามว่าเลวมาก ขอให้ชาวบ้านมาแจ้งตรงกับตนได้เลยจะดำเนินการให้ถึงที่สุด ส่วนเงินทั้งหมดถึงตอนนี้เบิกแจกไปแล้ว 32 ล้านบาท และอยากให้เพื่อนศิลปินดารามาร่วมกันแจกเงินให้ชาวอุบลฯ ไม่ต้องแบ่งค่ายแบ่งสังกัดจะได้ทั่วถึงทุกพื้นที่ คาดว่า 10 วันน่าจะได้ครบทุกพื้นที่ และภายในสิ้นปีน่าจะแจกหมดทุกจังหวัดที่ประสบอุทกภัย ส่วนเรื่องคดีความที่มีคนปลอมบัญชีบริจาคตอนนี้ถอนแจ้งความแล้ว เพราะน้องเป็นเยาวชนอายุเพียง 14 ปี จึงว่ากล่าวตักเตือนตำหนิไป แต่ถ้ามีอีกไม่ยกโทษให้แล้ว
ล่าสุด รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ กล่าวถึงกรณีที่มีผู้นำหมู่บ้านเรียกเก็บเงินค่าหัวคิวที่นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนหัวคิวละ 500 บาทว่า จะไปทำแบบนั้นได้อย่างไร โดยเฉพาะผู้ใหญ่บ้านที่ไปหักพ่าหัวคิวร้อยละ 10 เพราะจะเป็นการทุจริตซึ่งปัญหานี้นายบิณฑ์ บันลือฤทธิ์ ต้องไปดำเนินการไม่ให้มีการหักค่าหัวคิว
ส่วนในกรณีที่ขณะนี้ลงไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในจังหวัดอุบลราชธานีจนสิ่งของที่ไปบริจาคเริ่มมีความซ้ำซ้อนนั้น พลเอกประวิตร บอกว่า รัฐบาลมีขั้นตอนในการจัดระบบและดำเนินงานในระดับหมู่บ้านอยู่แล้ว โดยจะมอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้านและกำนันในชุมชนนั้น รับผิดชอบ