เดินทางเข้าแจ้งความเอาผิด นายกสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย นายศรีสุวรรณ จรรยา ในกรณีที่ได้ไปยื่นร้องเรียน กกต. ชี้ว่า ว่าที่ผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ถือหุ้นในบริษัทสื่อ ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 98(3) ซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้าม มิให้ใช้สิทธิ์สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประกอบมาตรา 42(3) ของกฎหมายเลือกตั้ง
โดยนายคารม พรหมพรกลาง (ว่าที่ ส.ส. บัญชีรายชื่อลำดับ 26) บอกว่า ข้อเท็จจริง ที่มาแจ้งความในวันนี้คือ ว่าที่ส.ส. อนาคตใหม่ที่มาในวันนี้ถูก นาย ศรีสุวรรณ จรรยา เข้าร้องเรียนต่อ กกต. ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติ เมื่อวันที่ 29 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งตามคำกล่าวหาของ นายศรีสุวรรณ มีข้อเท็จจริงว่า ผู้สมัครและว่าที่ ส.ส. พรรคอนาคตใหม่ เช่น ตน ได้มีกิจการบริษัทที่เกี่ยวกับสื่อ และเคยเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทสื่อส่วนตัวยืนยันว่าเคยจริง แต่บริษัทถูกยกเลิกไปตั้งแต่วันที่ 4 กันยายน 2556 แล้ว ส่วนบางท่าน ได้จดทะเบียนประกอบกิจการบริษัท แต่เป็นบริษัทร้าง คือไม่ประกอบกิจการเป็น sleeping company นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการขายหุ้นออกไป แต่ยังอาจจะมีชื่อปรากฏอยู่ในบัญชีผู้ถือหุ้น เพราะเป็นกิจการแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด และยังมีเรื่องของบริษัทที่ถูกยกเลิกการเป็นบริษัทโดยสิ้นเชิง โดยไม่สามารถกลับมาตั้งเป็นบริษัทได้อีก
นายคารม บอกต่อว่า ที่ออกมาเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว คือ มาตรา 143 วรรค 2 ที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ. ส.ส. ระบุว่าเป็นการกลั่นแกล้งกล่าวหา กระทำการอันเป็นเท็จ เพื่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดว่าถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ที่ไม่ได้แจ้งข้อหาหมิ่นตามประมวลกฏหมายอาญาและตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์นั้น เพราะไม่อยากให้ประชาชน มองว่าเป็นการปิดกั้นสิทธิ์ของประชาชนที่จะสามารถวิจารณ์นักการเมืองได้
อย่างไรก็ตามพรรคอนาคตใหม่ ยินดีให้ตรวจสอบด้วยความเคารพ และยอมรับการตรวจสอบทุกกรณี แต่หากพรรค ถูกตรวจสอบทางนายศรีสุวรรณก็จะต้องถูกตรวจสอบด้วยเช่นเดียวกัน