จากกรณีที่ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสภาการพยาบาล เรื่อง ห้ามมิให้ยา Diclofinac ชนิดฉีด ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
อ่านข่าว >> ประกาศสภาการพยาบาล เรื่องห้ามมิให้ยา Diclofinac ชนิดฉีด
ไดโคลฟีแนคเป็นยาแก้ปวดในกลุ่มยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (Non-steroidal Anti-inflammatory Drugs: NSAID) หรือที่เรียกกันว่า เอ็นเสด ช่วยในการบรรเทาอาการปวด บวมจากการอักเสบ ปวดตามข้อ ไขข้อกระดูก เช่น โรคข้อเสื่อม โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ปวดท้องจากประจำเดือน โรคข้ออักเสบ อาการตึงขัดของข้อ โดยเข้าไปยับยั้งการสร้างสารโพรสตาแกลนดิน (Prostaglandins) ในร่างกายที่เป็นตัวก่อให้เกิดอาการบวมและอักเสบ
ตัวยาจะถูกผลิตออกมาให้อยู่ในรูปเกลือที่เรียกว่า Diclofenac Sodium และ Diclofenac Potassium โดย Diclofenac Potassium จะสามารถดูดซึมในร่างกายได้ไวกว่า จึงช่วยบรรเทาอาการปวดได้เร็วกว่า
แต่เนื่องจาก ยาDiclofenac ชนิดฉีดมีรายงานการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อผู้รับบริการภายหลังการฉีดยามีแนวโน้มสูงขึ้น จึงมีประกาศสภาการพยาบาลห้ามมิให้ยาชนิดฉีด
ผลข้างเคียงจากการใช้ยา Diclofenac
หลังการรับประทานยา Diclofenac ผู้ป่วยอาจเกิดอาการผิดปกติได้หลายลักษณะ เช่น ปวดท้องอย่างรุนแรง ท้องอืด ท้องเฟ้อ มีลมในท้อง เรอ ท้องผูก ถ่ายอุจจาระเป็นเลือดหรือมีสีดำ ปัสสาวะน้อยและขุ่น ท้องเสีย ง่วงนอนหรือนอนหลับยาก ระบบย่อยผิดปกติ อาการคันหรือเป็นผื่นบริเวณผิวหนัง ไม่มีความอยากอาหาร คลื่นไส้ อาเจียนเป็นเลือดหรือมีสีดำ เจ็บหน้าอก มีภาวะซีด หายใจลำบาก น้ำหนักลด เป็นต้น ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากตัวยาที่พบได้บ่อย
ส่วนอาการข้างเคียงอื่น ๆ สามารถเกิดขึ้นได้น้อย แต่ควรหยุดใช้ยาแล้วรีบพบแพทย์ทันที เนื่องจากอาจส่งผลให้เกิดอาการรุนแรงขึ้น เช่น
- ภาวะความดันเลือดต่ำจนทำให้เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ
- ตับเกิดการอักเสบหรือผิดปกติ สังเกตได้จากดวงตาหรือผิวหนังจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แขนขาและบริเวณท้องน้อยเกิดอาการบวม
- ภาวะหัวใจล้มเหลว ส่งผลให้แขนบวม หายใจหอบ เหนื่อยง่ายกว่าปกติแม้เดินในระยะสั้น ๆ
- ผิวหนังมีรอยช้ำหรือเกิดการแพ้ยาอย่างรุนแรง เช่น กลุ่มอาการของโรคสตีเวนส์จอห์นสัน (Stevens-Johnson Syndrome) หรือโรคท็อกซิก อีพิเดอร์มัล เนโครไลซิส (Toxic Epidermal Necrolysis: TEN)