บุคลิกภาพที่ดีสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกพบ การดูแลตัวเองให้ดูดีอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ไม่ใช่แค่เพียงการเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่สวยงามเท่านั้น การมีผิวพรรณที่ดีก็สามารถสร้างจุดเด่น เพิ่มความมั่นใจ และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาผู้อื่นได้
โดยทาง แพทย์หญิงกนกวรรณ เศรษฐพงศ์วนิช ได้แนะวิธีดูแลสุขภาพผิวให้เรียบเนียนอย่างสุขภาพดีว่า “ปกติเซลล์ผิวของเราจะผลัดเซลล์หลุดลอกออกได้เองทุก 28 วัน แต่ด้วยปัจจัยด้านอายุที่มากขึ้น และพฤติกรรมในการใช้ชีวิตของแต่ละคน อาจทำให้การผลัดเซลล์ผิวทำงานได้ช้าลง เช่น การพักผ่อนไม่เพียงพอ การนอนดึก ดื่มน้ำน้อย สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า โดนแสงแดดเป็นประจำ ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้เซลล์ผิวเก่าผลัดตัวได้ช้าลง อาจก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขน และทำให้ผิวขาดความเรียบเนียนและดูหมองคล้ำไม่กระจ่างใสได้ หากไม่มีการขจัดออกไป นานวันเข้าเซลล์ผิวที่ตายแล้วจะจับตัวกันทำให้ผิวดูแห้งหยาบกร้าน เกิดรอยย่นหรือหมองคล้ำ เกิดจุดด่างดำ เป็นสาเหตุของปัญหาผิวหนังต่างๆได้
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผิวไม่เรียบเนียน คือ “เซลลูไลท์” ไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในชั้นใต้ผิวหนังบริเวณต้นขา ต้นแขน สะโพก และหน้าท้อง เมื่อผิวของเรามีไขมันสะสมมากเกินไป ทำให้ผังผืดมีการหดตัวจนเกิดการจับตัวกันเป็นกลุ่มก้อน โดยมีคอลลาเจนมาล้อมรอบกลุ่มก้อนไขมันนั้น ส่งผลให้หลอดเลือดบริเวณนั้นไหลเวียนได้ไม่ดี จนเซลล์ผิวหนังเกิดการดึงรั้งให้เห็นกลุ่มก้อนไขมันได้ชัดเจนขึ้น โดยกลุ่มก้อนไขมันนี้สามารถเป็นได้ทั้งกลุ่มก้อนที่เป็นไขมันดีหรือกลุ่มก้อนที่เป็นไขมันที่ไม่ดี ทั้งนี้เซลลูไลท์จึงไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดขึ้นเฉพาะในผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากเท่านั้น แต่ยังสามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ที่มีน้ำหนักน้อยหรือผอมได้ด้วย
การสครับหรือการขัดผิวจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นและกลับมาเนียนนุ่มได้อีกครั้ง เพราะการสครับผิวจะช่วยกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ที่เสื่อมสภาพ หรือเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกได้เร็วขึ้น การทำความสะอาดผิวด้วยสบู่เพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถผลัดเซลล์ที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกไปได้ ช่วยลดการสะสมสิ่งสกปรกบนผิวหนังที่ก่อให้การอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุของปัญหาหมองคล้ำ นอกจากนี้การสครับผิวยังช่วยกระตุ้นระบบหมุนเวียนเลือดและน้ำเหลืองให้กับคนที่มีผิวแห้งกร้านให้กลับมาชุ่มชื้น สามารถกักเก็บน้ำได้ดี ส่วนคนที่มีผิวมัน การ สครับผิวจะช่วยสร้างสมดุลของผิว โดยจะไปลดการผลิตน้ำมันของต่อมไขมันที่มากเกินไป
การบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นหลังการสครับผิวนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะผิวจะค่อนข้างบอบบางและแห้งได้ง่ายหลังจากการสครับ ดังนั้นจึงควรบำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่สามารถเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับผิว ควรเลือกชนิดที่ไม่ทิ้งความมันส่วนเกิน ไม่อุดตันรูขุมขน และมีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการมอบความชุ่มชื้นและฟื้นฟูสภาพผิว อย่างสารสกัดจากใบชิโซะ (Shiso) ที่มีความโดดเด่นในด้านการให้ความชุ่มชื้น ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวจากความแห้งกร้านและการเสื่อมสภาพของผิว อีกทั้งยังช่วยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทโรซิเนส (Tyrosinase Inhibitor) ในกระบวนการสร้างเม็ดสีเมลานิน (Melanin) หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมน้ำมันธรรมชาติ เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันโจโจ้บา และเชียร์บัทเตอร์ เป็นต้น โดยแนะนำให้ทาแบบนวดวนลงบนผิว เพื่อให้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวได้อย่างล้ำลึก นอกจากการดูแลสุขภาพผิวกายแล้ว ควรให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพผิวหน้าและมือควบคู่ไปด้วย เพียงเท่านี้ผิวพรรณของเราก็จะเรียบเนียนสวยอย่างสุขภาพดี
อาทิเช่น ‘น้ำมันรำข้าว’ (Rice Bran Oil) สิ่งมหัศจรรย์ใกล้ตัวที่ให้คุณประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายทั้งด้าน โภชนเภสัช อาหาร หรืออุตสาหกรรมความงาม อุดมด้วยวิตามินอีในกลุ่มโทโคไตรอีนอล (Tocotreienol) และโทโคฟีรอล (Tocopherol) รวมถึงสารแกมม่า-ออริซานอล (Gamma-Oryzanol) ซึ่งพบเฉพาะในน้ำมันรำข้าวเท่านั้น มีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ ออกซิแดนท์ได้ดีกว่าวิตามินอีทั่วไปถึง 6 เท่า รวมถึงปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกแสงแดดทำลาย ช่วยฟื้นฟูผิวให้ชุ่มชื้น ซึมซาบสู่ผิว ได้ง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะ และไม่อุดตันรูขุมขน
ที่มา THANN