14 มกราคม 2568 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นพิษ PM2.5 ในกรุงเทพฯ ล่าสุดว่า วันนี้เจอปริมาณฝุ่นที่สูงอยู่ประมาณหนึ่ง แต่ในวันพรุ่งนี้ การระบายฝุ่นก็จะดีขึ้นยาวไปประมาณ 3-4 วัน โดยปัญหาฝุ่นมาจากแหล่งเดิมคือ การใช้รถยนต์ และการเผาชีวมวลในพื้นที่รอบนอก ที่มากขึ้น 20% จากปีที่แล้ว
ตอนนี้ทาง กทม.กำลังเดินหน้ามาตรการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและไส้กรองยานยนต์ ในกรุงเทพฯ รวมถึงโครงการห้ามรถบรรทุกเข้ากรุงเทพฯ เมื่อถึงเกณฑ์ที่ตั้งไว้แล้ว ก็จะประกาศห้ามไม่ให้รถบรรทุกเข้ามาวิ่งทันที ซึ่งตอนนี้มีรถบรรทุกเข้าร่วมแล้วประมาณ 12,000 คัน
ส่วนมาตรการเวิร์คฟอร์มโฮม ต้องมีการปรับเปลี่ยน จากการบังคับเป็นการสมัครใจ ซึ่งจะมีการลดปรับลดมาตรการลงเพื่อประกาศเวิร์คฟอร์มโฮมให้ง่ายขึ้น จะทำให้ปริมาณการจราจรของรถยนต์ลดและติดขัดน้อยลงลงด้วย ซึ่งในจากปีที่แล้วที่ปริมาณการสัญจรของรถบนท้องถนนลดลง 10% เมื่อมีการประกาศเวิร์คฟอร์มโฮม โดยในปีนี้จะมีการปรับเปลี่ยนประกาศล่วงหน้า ให้ประชาชนทราบก่อนหนึ่งวัน เพื่อเข้าสู่เวิร์คฟอร์มโฮม
ขณะที่ นายพรพรหม วิกฤติเศรษฐ์ ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้บริหารด้านความยั่งยืนของกรุงเทพมหานคร ขยายความต่อว่า สำหรับมาตรการประกาศเวิร์คฟอร์มโฮมนั้น กทม.จะมีการคาดการณ์ล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันว่า เป็นพื้นที่สีส้ม หรือ มีปริมาณฝุ่นเกิน 75 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรใน 35 เขต หรือประมาณ 70% ของพื้นที่กรุงเทพฯ หรือไม่ ซึ่งจะมีการคาดการณ์อัตราการระบายของฝุ่นในช่วง 3 วันติดต่อกันว่า ฝุ่นมีอัตราการระบายที่ไม่ดี หรือต่ำกว่า 2,000 ตารางเมตรต่อวินาที และมีจุดเผาสะสมเกินวันละ 80 จุดหรือไม่
ซึ่งในช่วงนี้ที่ผ่านมาก็เกิน 80 จุดทุกวัน “หากเข้าเกณฑ์ทั้งหมดก็จะมีการประกาศ มาตรการเวิร์คฟอร์มโฮมทันที ซึ่งตอนนี้ กทม.กำลังติดตามอัตราการระบายของฝุ่นอย่างละเอียด โดยเฉพาะในช่วงต้นอาทิตย์หน้า ในช่วงวันจันทร์และอังคาร ซึ่งเห็นว่าอัตราการระบายไม่ค่อยดีตั้งแต่ช่วงเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา”
นายชัชชาติ กล่าวต่อว่า ตอนนี้มีพนักงานบริษัทเอกชนเข้าร่วมเครือข่ายเวิร์คฟอร์มโฮมเกือบ 100,000 คนแล้ว จากปีที่แล้วมีมาเข้าเข้าร่วมประมาณ 60,000 คน ในปีนี้เราตั้งเป้าไว้ 200,000 คน ซึ่งผู้ที่สนใจเข้าร่วมเครือข่ายสามารถลงทะเบียนกับทาง กทม.ได้เลย
นายชัชชาติ ยังเปิดเผยอีกว่า ขณะนี้ทาง กทม.กำลังพิจารณาปรับใช้มาตรการใหม่ในการลดฝุ่น PM2.5 ในกรุงเทพฯ แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของนักวิชาการที่มีแนวคิดว่า กรุงเทพมหานครมีหัวใจหลักคือเรื่องฝุ่นจากรถยนต์ ซึ่งสามารถกำจัดฝุ่นจากต้นทางได้เลย ผ่านการใช้วิธีการพ่นฝอยละอองน้ำขนาดเล็ก ตามสถานีรถไฟฟ้าและจุดที่มีการก่อสร้างหนาแน่น และตลอดแนว 200 เมตรของรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ เช่น สีเหลือง สีชมพู หรือสีเขียวเป็นต้น ตลอดจนทางด่วนที่มีการจราจรหนาแน่น แต่ต้องมั่นใจก่อนว่า สามารถช่วยลดฝุ่นได้จริง เพราะตอนนี้ยังคงมีการถกเถียงอยู่ ว่าการโปรยน้ำไม่ได้ช่วยลดฝุ่น ซึ่ง กทม.จะระดมนักวิชาการ สรุปให้ชัดเจนว่าช่วยได้หรือไม่ ก่อนที่จะมีการออกแบบทั้งระบบ แม้ปีนี้อาจจะไม่ทันใช้ แต่มั่นใจว่าจะช่วยได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในปี 2568 นี้เป็นไปได้หรือไม่ที่จะทำให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่ปลอดฝุ่น 100 เปอร์เซ็นต์ นายชัชชาติ ระบุว่า สถานการณ์จะดีขึ้นแน่นอน แต่ต้องช่วยกันหลายหลายฝ่าย กทม. ทำคนเดียวไม่ได้ต้องได้รับความร่วมมือกันจากหลายภาคส่วน และใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยแก้ปัญหา เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด
นายชัชชาติ ระบุ รู้สึกดีใจหลังจากเห็นประชาชนเริ่มใส่หน้ากากป้องกันตนเองเหมือนช่วงโควิด แสดงว่าทุกคนตื่นตัวในการเฝ้าระวังฝุ่น PM2.5 ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนตื่นตัวป้องกันตนเอง ด้วยการใส่หน้ากากซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุด แม้ว่าจะกรองฝุ่นได้เพียงแค่ 50% ในช่วงที่เป็นสีเหลืองและสีส้ม ส่วนช่วงที่มีฝุ่นสูงเกินมาตรฐาน สีแดง ไม่สามารถเลี่ยงได้จริง ๆ ก่อนออกนอกบ้านก็ให้ใส่หน้ากากไว้ เป็นวิธีการหนึ่งที่สามารถป้องกันได้ในช่วงนี้