21 ธันวาคม 2567 จากกรณีนำยาพ่นจมูกไปขายต่อมีการเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดีย โดยมีการโพสต์ขายยาในเพจเฟซบุ๊ก โดยคุณแม่รายหนึ่งนำยาพ่นบรรเทาอาการภูมิแพ้และคัดจมูก ซึ่งได้รับการพาลูกเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลและนำมาขายต่อใน ซึ่งได้ยามาจากการใช้สิทธิบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่
ต่อมา สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)ได้มีการตรวจสอบอย่างเร่งด่วน และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ยืนยันว่า สามารถตรวจสอบผู้กระทำผิดได้ ที่ผ่านมาก็ได้มีการตรวจสอบ ลงโทษหรือดำเนินคดีบางรายแล้ว ส่วนเรื่องการตรวจสอบระบบไอทีก็จะต้องทำให้เข้มงวดขึ้น ไม่ให้มีอะไรที่ผิดพลาดออกมา
ล่าสุด นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดผู้ที่ตระเวนรักษาและนำยาพ่นจมูกไปขายในสังคมออนไลน์ ว่า ในช่วงปี 2567 สปสช.ตรวจสอบพบ กรณีที่คิดว่าน่าจะเข้าข่ายการเบิกยาผิดปกติ และกำลังจะไปดำเนินคดี จำนวน 3 ราย ดังนี้
ทั้งนี้ในรายที่ 2 และรายที่ 3 พบว่ามีนามสกุลเดียวกัน คาดว่าอาจจะเป็นญาติกัน และตะเวนรับยาในกลุ่มโรงพยาบาลเดียวกัน ทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (อีสาน) และภาคกลาง ซึ่งจำนวนที่มีการเบิกใปนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะนำไปใช้รักษาอาการป่วยส่วนตัว เนื่องจาก 1 ขวดใช้ได้ประมาณ 2 เดือน คือพ่นได้ 120 ครั้ง วันละ 2 ครั้ง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเบิกเยอะขนาดนี้
โดยพฤติกรรมนั้น เกิดเหตุหลายที่และพฤติกรรมของคนที่ก่อเหตุ มักจะมาในช่วงเวลานอกเวลาเพราะเป็นช่วง ที่บุคลากรทางการแพทย์ไม่ได้มีการตรวจสอบมาก และไปหลายที่ เท่าที่ตรวจตั้งแต่แถบภาคอีสาน บางครั้งก็มาที่ภาคกลางและกรุงเทพมหานคร ยาส่วนใหญ่ที่มีการเบิกจะเป็นกลุ่มยา ที่ใช้ในการรักษาโรคกึ่งๆ ฉุกเฉิน และเป็นยาที่มักจะมีราคาแพง และแพทย์ก็จะเห็นว่าผู้ป่วยมีประวัติการรักษาอยู่แล้วจึงจ่ายยาเหล่านั้นให้ เช่น ยาพ่น
"สปสช.จะมีการตรวจสอบเพิ่มเติม โดยเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.ที่ผ่านมา ได้ไปดำเนินการแจ้งความ ซึ่งจะเอาผิดในฐาน ฉ้อโกง ก่อนหน้านี้ สปสช.ได้เคยดำเนินคดี กับผู้ที่ก่อเหตุในลักษณะเช่นเดียวกันนี้ และติดคุกไปแล้ว 3 ราย" นพ.จเด็จ กล่าว
นพ.จเด็จ กล่าวอีกว่า การตรวจสอบเจอเหตุการณ์เหล่านี้ ส่วนหนึ่งทางโรงพยาบาลเป็นผู้แจ้งมา เช่น โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ได้ส่งหนังสือมาสอบถามที่ สปสช. หากมองในแง่บวกก็จะทำให้ สปสช.ต้องไปตรวจสอบเพิ่มเติม
สำหรับ 3 รายที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบและแจ้งความไปนี้ไม่น่าจะจบแค่นี้ จะมีการย้อนตรวจสอบเพิ่มขึ้นไปอีก และอาจจะต้องดูว่ามีการเบิกยาตัวอื่นๆ ด้วยหรือไม่ เพราะในกรณีก่อนหน้านี้ที่ดำเนินคดีและติดคุกไปแล้วนั้น เราก็กำลังไล่ตรวจด้วยเช่นกันเพราะมียาตัวอื่นที่ถูกเบิกไปเหมือนกัน โดยคดีดังกล่าวไม่สามารถยอมความได้ถือเป็นคดีอาญา
เมื่อถามถึงมูลค่ายาที่ถูกตระเวนเบิกจ่ายไปคิดเป็นเท่าไหร่ นพ.จเด็จ กล่าวว่า อันนี้ต้องคูณเข้าไปโดยราคายาบางรายการราคาเกือบ 1,000 บาท คูณเข้าไปแล้วก็จำนวนเยอะอยู่