svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

“ทรัมป์” ไม่รับคำท้า ดีเบต “แฮร์ริส” รอบ 2 คะแนนิยมยังสูสี

โดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำชัดไม่เข้าร่วมดีเบตครั้งใหม่ หลังกมลา แฮร์ริส ท้าประชันวิสัยทัศน์รอบสองจัดโดย ซีเอ็นเอ็นอีกครั้งในวันที่ 23 ต.ค. ขณะที่แฮร์ริสมีคะแนนนิยมนำหน้าทรัมป์ฉิวเฉียด แต่ยังไม่อาจสร้างความได้เปรียบอย่างเด่นชัด

ทีมหาเสียงของรองประธานาธิบดี กมลา แฮร์ริส ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า แฮร์ริสพร้อมร่วมประชันวิสัยทัศน์หรือดีเบตกับอดีตประธานาธิบดีโดนัลดื ทรัมป์ และตกลงรับคำเชิญของ ซีเอ็นเอ็น ที่จะจัดดีเบตในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ โดยหวังว่าทรัมป์จะไม่ขัดข้อง

แต่ทรัมป์ประกาศต่อหน้าผู้สนับสนุนขณะหาเสียงในเมืองวิลมิงตัน รัฐนอร์ธแคโรไลนาว่า กำหนดเวลาดังกล่าวสายเกินไปแล้ว เพราะการลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าเริ่มขึ้นแล้ว

การดีเบตรอบแรกระหว่างทรัมป์และแฮร์ริสที่จัดโดยซีเอ็นเอ็นเมื่อวันที่ 10 กันยายน มีผู้ชมการถ่ายทอดสดมากกว่า 67 ล้านคน และทั้งโพลล์และนักวิเคราะห์ เห็นตรงกันว่า แฮร์ริสเป็นฝ่ายชนะ เพราะเธอสามารถไล่ต้อนทรัมป์ให้ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ และทำให้เขาตกหลุมพรางได้หลายครั้ง ทีมหาเสียงของแฮร์ริสมั่นใจกับผลดีเบต และท้าทันทีให้มีการดีเบตอีกครั้ง แต่ทรัมป์ก็ปฏิเสธ

ก่อนหน้านั้นทรัมป์เป็นฝ่ายชนะในการดีเบตกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ช่วงปลายเดือนมิถุนายน ที่ทำให้ไบเดนเผชิญแรงกดดันจนต้องยอมประกาศช่วงปลายเดือนกรกฎาคมว่าถอนตัวจากการเลือกตั้งประธานาธิบดี

แม้การเลือกตั้งจะจัดขั้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน แต่การเลือกตั้งล่วงหน้าเริ่มขึ้นแล้วในบางรัฐเมื่อวันศุกร์ (21 กันยายน) ส่วนการเลือกตั้งในปี 2563 ทรัมป์และไบเดนร่วมดีเบตครั้งสุดท้ายในวันที่ 22 ตุลาคม และในปี 2559 ทรัมป์ดีเบตกับฮิลลารี คลินตัน แคนดิเดตของพรรคเดโมแครตครั้งสุดท้ายในวันที่ 19 ตุลาคม

“ทรัมป์” ไม่รับคำท้า ดีเบต “แฮร์ริส” รอบ 2 คะแนนิยมยังสูสี

นักวิเคราะห์ มองว่า การดีเบตมีผลน้อยมากต่อการเลือกตั้ง คนที่ใช้สิทธิล่วงหน้าส่วนใหญ่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่น่าจะไม่เปลี่ยนใจแล้ว และการดีเบตใกล้วันเลือกตั้งอาจเปลี่ยนใจคนที่ยังไม่ตัดสินใจได้เพียงจำนวนน้อย และอาจกระตุ้นหรือทำให้ไม่มั่นใจในกลุ่มผู้สนับสนุนของทั้งสองฝ่าย และแม้แฮร์ริสมีคะแนนนิยมดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่การแข่งขันยังคงสูสีอย่างมาก

ผลสำรวจของนิวยอร์กไทม์ส ที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์พบว่า แฮร์ริสและทรัมป์มีคะแนนนิยมทั่วประเทศเท่ากันที่ 47% และผลสำรวจของฟ็อกซ์นิวส์ ที่เผยแพร่ก่อนหน้าไม่กี่วัน ระบุว่า แฮร์ริสนำทรัมป์ที่ 50%-48% โดยเป็นครั้งแรกที่คะแนนนิยมของเธอแตะถึง 50%

โพลของฟ็อกซ์นิวส์ พบว่า ฐานเสียงกลุ่มใหญ่ที่สุดของทรัมป์ คือ คนที่มักเข้าโบสถ์เป็นประจำ,ชายผิวขาวที่ไม่จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย, คนชนบท และผู้ชาย ส่วนฐานเสียงกลุ่มใหญ่ที่สุดของแฮร์ริส คือ คนผิวสี, คนในเมือง, คนอายุต่ำกว่า 30 ปี, คนอายุ 65 ปีขึ้นไป,ผู้จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย และผู้หญิง

นอกจากนี้ผู้สนับสนุนทรัมป์ 72% ชื่นชอบเขาเพราะนโยบายและผลงาน, อีก 8% ชอบบุคลิกลักษณะของเขา และ 19% ไม่ชอบแฮร์ริส ขณะที่ผู้สนับสนุนแฮร์ริสเพียง 42% ชอบนโยบายและผลงาน, 24% ชอบบุคลิกลักษณะของเธอ และ 33% สนับสนุนเธอ เพราะไม่ชอบทรัมป์