ไรอัน เวสลีย์ รูธ วัย 58 ปี ขึ้นศาลที่เมืองเวสต์ ปาล์มบีช รัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (16 กันยายน) โดยถูกตั้งข้อหาครอบครองปืนขณะเป็นผู้กระทำผิด 1 กระทง และข้อหาครอบครองปืน ที่มีร่องรอยลบหมายเลขทะเบียนอีก 1 กระทง และคาดว่าจะมีการตั้งข้อหาเพิ่มอีกภายหลัง ขณะที่สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) กำลังสอบสวนในประเด็นพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดี
นายรูธถูกเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีจับตัวไว้ได้ในบ่ายวันอาทิตย์ หลังหนีออกจากจุดเกิดเหตุ ที่สนามกอล์ฟ ทรัมป์ อินเตอร์แนชันแนล กอล์ฟ คลับ ในรัฐฟลอริดาเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ (15 กันยายน) โดยยังไม่ได้ทันยิงกระสุนแม้แต่นัดเดียว และทรัมป์ไม่ได้ตกอยู่ในแนวสายตาของมือปืน
เจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีพบเห็นผู้ต้องสงสัยขณะพกปืน AK-47 ซุ่มอยู่ริมรั้วของสนามกอล์ฟ ห่างจากจุดที่ทรัมป์เล่นกอล์ฟอยู่หลายร้อยเมตร จึงยิงปืนใส่ ทำให้เขาหลบหนีขึ้นรถยนต์ไป ก่อนถูกจับตัวได้บนทางหลวงในเวลาต่อมา และเนื้อหาในเอกสารคำฟ้องที่ยื่นต่อศาล ระบุถึงบันทึการใช้โทรศัพท์ที่บ่งชี้ว่า เขาอาจซุ่มรออยู่ที่พุ่มไม้นานเกือบ 12 ชม.
กำหนดการส่วนตัวของทรัมป์ไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชน และเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนกำลังพยายามสืบว่า มือปืนรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะตีกอล์ฟ แต่ก็ไม่ใช่ความลับว่าเขามักจะออกรอบ เวลาที่กลับมาพักที่คฤหาสน์ของเขาในรัฐฟลอริดา ซึ่งอยู่ใกล้กับกอล์ฟคลับของเขาแห่งนี้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความรุนแรงทางการเมืองในขณะที่เหลือเวลาอีกเพียงเกือบ 2 เดือนก่อนถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดี และความหละหลวมของการรักษาความปลอดภัยแก่อดีตประธานาธิบดี และผู้สมัครประธานาธิบดี หลังทรัมป์ตกเป็นเป้าของการแผนลอบสังหารครั้งที่ 2 ในเวลา 2 เดือน หลังถูกลอบยิงได้รับบาดเจ็บจากเวทีหาเสียงในเมืองบัตเลอร์ รัฐฟลอริดา เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม
ทรัมป์ กล่าวโทษว่า วาทกรรมของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ซึ่งเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครต ที่มักเรียกเขาว่า “ภัยคุกคามต่อประชาธิปไตย” อาจเป็นชนวนให้เขาตกเป็นเป้าสังหาร
อย่างไรก็ตามทรัมป์ เผยในคืนวันจันทร์ว่า เขาได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีไบเดนเรื่องการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ของหน่วยอารักขาประธานาธิบดี
และก่อนหน้านั้นในวันเดียวกัน ไบเดน เรียกร้องให้สภาคองเกรอนุมัติงบประมาณเพิ่มเติมแก่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า
แม้หน่วยอารักขาประธานาธิบดีถูกตรวจสอบอย่างหนักนับจากทรัมป์ถูกลอบยิงครั้งแรก แต่อดีตเจ้าหน้าที่อารักขาประธานาธิบดีที่เคยคุ้มกันอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา บอกว่า ทรัมป์ได้รับการคุ้มกันมากกว่าอดีตผู้นำคนอื่น ๆ แล้ว เพราะปกติแล้วอดีตผู้นำจะไม่ได้รับการคุ้มกันด้วยทีมสไนเปอร์เหมือนที่ทรัมป์ได้รับในเวลานี้
แม้ยังไม่มีการเปิดเผยแรงจูงใจของนายรูธ ที่ต้องการลอบยิงทรัมป์ แต่เขาเคยโพสต์ในโซเชียลมีเดียในปี 2563 ว่า อยากให้ทรัมป์ได้รับเลือกตั้งอีกสมัย แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โพสต์ของเขามักสนับสนุนไบเดนและแฮร์ริส
รูธมีประวัติกระทำผิดคดีอาญาหลายคดี มีแนวคิดฝักใฝ่ยูเครน เคยเดินทางไปยูเครน และอ้างว่าต้องการอาสาช่วยรบ และยังช่วยเกณฑ์นักรบต่างชาติที่ต้องการต่อสู้กับรัสเซีย