svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

"แฮร์ริส" ได้เสียงหนุนพอเป็นตัวแทนชิง ปธน. ลุยหาเสียงโจมตี "ทรัมป์"

เพียงชั่วข้ามคืนรองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากคณะผู้แทนในรัฐต่าง ๆ ของพรรคเดโมแครตมากพอที่จะได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแล้ว และเตรียมหาคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี

สำนักข่าวเอพีเผยผลสำรวจเมื่อค่ำวันจันทร์ว่า รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ได้รับเสียงสนับสนุนจากคณะผู้แทนจากหน่วยเลือกตั้งในรัฐต่าง ๆ ของพรรคเดโมแครตได้ถึง 2,214 เสียง เกินกว่าเกณฑ์ 1,976 เสียง ซึ่งมากพอที่จะทำให้ได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในการลงคะแนนรอบแรกภายในวันที่ 7 สิงหาคม และจะมีการลงคะแนนรับรองอย่างเป็นทางการในการประชุมใหญ่ของพรรคที่นครชิคาโกในวันที่ 19 สิงหาคม

ความเคลื่อนไหวนี้มีขั้นหลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ว่า ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และสนับสนุนแฮร์ริสเป็นตัวแทนของพรรค หลังเขาเผชิญแรงกดดันมาตลอดหลายสัปดาห์นับจากการดีเบทที่ย่ำแย่ในเดือนมิถุนายน

\"แฮร์ริส\" ได้เสียงหนุนพอเป็นตัวแทนชิง ปธน. ลุยหาเสียงโจมตี \"ทรัมป์\"

แฮร์ริสได้รับเสียงสนับสนุนอย่างรวดเร็วจากแกนนำระดับอาวุโสในพรรค ซึ่งรวมถึงอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และแนนซี เพโลซี อดีตระธานสภาผู้แทนราษฎร รวมไปถึงผู้ว่าการรัฐบางคนที่ถูกจับตาว่าอาจเป็นตัวแทนพรรค อย่าง เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย, เจ บี พริตซ์เกอร์ ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์ และเกรตเชน วิทมอร์ ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน

และต่อจากนี้แฮร์ริสต้องเตรียมเลือกผู้ที่จะเป็นคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดี เพื่อให้ได้รับการรับรองในที่ประชุมพรรคในวันที่ 19 สิงหาคมเช่นกัน ขณะที่สื่อจับตาตัวเต็งหลายคน ซึ่งรวมถึงนิวซัม, จอช ชาปิโร ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย, รอย คูเปอร์ ผู้ว่าการรัฐนอร์ธแคโรไลนา และพีท บูดิเจจ รัฐมนตรีคมนาคม

ขณะเดียวกันหลังแฮร์ริสประกาศจะชิงเป็นตัวแทนพรรคในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ก็ได้รับเงินบริจาคสนับสนุนมากเป็นประวัติการณ์ถึง 81 ล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงแรกแล้ว ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของการระดมทุนในวันเดียวในประวัติศาสตร์การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเป็นเงินจากผู้บริจาครายย่อย 888,000 คน ซึ่งเกือบ 60% เป็นการบริจาคเงินสนับสนุนการเลือกตั้งครั้งนี้ครั้งแรก  นอกจากนี้เธอเข้าคุมทีมหาเสียงของไบเดน ที่เปลี่ยนชื่อเป็น “Harris for President” ทำให้เธอเข้าถึงเงินหาเสียงที่มีอยู่แล้ว 96 ล้านดอลลาร์ด้วย

\"แฮร์ริส\" ได้เสียงหนุนพอเป็นตัวแทนชิง ปธน. ลุยหาเสียงโจมตี \"ทรัมป์\"

แฮร์ริสมีกำหนดเริ่มหาเสียงครั้งแรกในฐานะผู้สมัครประธานาธิบดีที่เมืองมิลวอกี รัฐวิสคอนซินในวันพุธ (23 กรกฎาคม)

ขณะที่เมื่อวันอังคารเธอกล่าวในถ้อยแถลงครั้งแรกต่อทีมงานหาเสียงในเมืองวิลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ และประกาศความตั้งใจว่าจะทำให้ตัวเองได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรค และคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายน

และประธานาธิบดีไบเดน ซึ่งยังพักฟื้นจากอาการป่วยโควิด-19 โทรศัพท์เข้ามาในขณะนั้น โดยบอกกับทีมงานว่า แม้ชื่อผู้สมัครเปลี่ยนไป แต่ภารกิจไม่เปลี่ยน และเขาจะออกไปช่วยหาเสียงให้กับแฮร์ริส  เพราะยังจำเป็นต้องปกป้องประชาธิปไตย และทรัมป์ยังเป็นภัยอันตรายต่อชาติ พร้อมกับขอให้ทุกคนมอบจิตใจและวิญญาณที่เคยให้เขา ให้กับแฮร์ริสด้วย นอกจากนี้เขาบอกกับแฮร์ริสว่า “ผมกำลังเฝ้าดูคุณ เด็กน้อย ผมรักคุณ” และขอให้ทีมงานให้การสนับสนุนเธอด้วย

นอกจากนี้เธอกล่าวโจมตีทรัมป์ โดยกตัวอย่างว่า สมัยที่เป็นหัวหน้าอัยการรัฐแคลิฟอร์เนีย เธอได้นำตัวผู้กระทำผิดทุกประเภทมาลงโทษ ซึ่งรวมถึงนักล่าสวาทที่ล่วงละเมิดผู้หญิง นักต้มตุ๋นที่โกยเงินจากผู้บริโภค  และคนโกงที่ฝ่าฝืนกฎระเบียบเพื่อประโยชน์ของตัวเอง และบอกด้วยว่า เธอรู้จักคนประเภทเดียวกับทรัมป์ดี

และการที่แฮร์ริส วัยเพียง 59 ปี กลายเป็นคู่แข่งของทรัมป์แทนไบเดน ทำให้ทรัมป์ วัย 78 ปี ซึ่งเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีที่อายุมากที่สุดในสหรัฐฯ  ต้องปรับยุทธศาสตร์หาเสียงใหม่ หลังเคยโจมตีไบเดนเรื่องอายุและความอ่อนล้าทางร่างกาย และทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้ถูกตัดสินว่ากระทำความผิดคดีอาญาและมีความผิดในคดีแพ่งจากการล่วงละเมิดทางเพศ กลับต้องมาต่อสู้กับผู้หญิงที่เป็นอดีตอัยการ

\"แฮร์ริส\" ได้เสียงหนุนพอเป็นตัวแทนชิง ปธน. ลุยหาเสียงโจมตี \"ทรัมป์\"