ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน โพสต์ในโซเชียลมีเดีย ระบุว่า กองทัพรัสเซียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนเช้าวันจันทร์ (8 กรกฎาคม) โดยยิงขีปนาวุธหลายชนิดรวมกว่า 40 ลูก ถล่มเป้าหมายในหลายเมือง เช่น เคียฟ, ดนีโปร, คริวีรีห์, สโลเวียนสค์ และครามาทอร์สค์ อาคารที่พักอาศัย โครงสร้างพื้นฐาน และโรงพยาบาลเด็กได้รับความเสียหาย
เจ้าหน้าที่ระบุด้วยว่า มีผู้เสียชีวิตรวมอย่างน้อย 31 ราย และผู้บาดเจ็บอีกกว่า 100 ราย โดยเฉพาะในกรุงเคียฟ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 ราย โรงพยาบาลเด็กที่ใหญ่ที่สุดของยูเครนได้รับความเสียหายอย่างหนัก และมีเด็กเสียชีวิต 2 ราย ในโรงพยาบาลแห่งนี้ และนายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ บอกว่า การโจมตีเมืองหลวงครั้งนี้เป็นครั้งรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งนับจากรัสเซียเริ่มบุกยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565
รัสเตม ยูเมรอฟ รัฐมนตรีกลาโหม ของยูเครน บอกว่า ศักยภาพการป้องกันประเทศยังไม่เพียงพอ และต้องการให้ชาติพันธมิตรเร่งจัดส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองทัพ
นอกจากนี้ในช่วงที่ประธานาธิบดีเซเลนสกี ร่วมแถลงข่าวกับนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ ของโปแลนด์ ขณะเยือนกรุงวอร์ซอ เขาขอให้ทุกคนร่วมสงบนิ่งไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิต และประกาศด้วยว่า ยูเครนจะฟื้นฟูทุกอย่างที่ผู้ก่อการร้าย (รัสเซีย) ทำลายไว้ และจะตอบโต้การกระทำอันโหดร้ายของรัสเซีย รวมทั้งให้คำมั่นว่า จะนำรัสเซียเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมสำหรับการก่อการร้าย
ขณะที่กระทรวงกลาโหมรัสเซีย ออกแถลงการณ์ระบุว่า รัสเซียไม่ได้โจมตีโรงพยาบาลในกรุงเคียฟของยูเครน และคำอ้างของยูเครนว่า การโจมตีของรัสเซียพุ่งเป้าทำลายเป้าหมายทางพลเรือนไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง รวมทั้งตอบโต้ว่า ภาพและคลิปที่ยูเครนเผยแพร่เป็นสิ่งยืนยันว่า ความเสียหายเกิดจากขีปนาวุธของระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนภายในกรุงเคียฟ
กระทรวงกลาโหมรัสเซีย บอกด้วยว่า กองทัพโจมตีทางอากาศทำลายเป้าหมายอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ และฐานการบินในยูเครน และเป้าหมายของการโจมตีบรรลุผล นอกจากนี้ระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย สามารถทำลายระเบิดนำวิถี”แฮมเมอร์” ที่ผลิตในฝรั่งเศส 4 ลูก,ระบบยิงจรวด “ไฮมาร์ส” ที่ผลิตในสหรัฐฯ 5 ชุด และโดรนอีก 30 ลำ