ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วสหราชอาณาจักรเกือบ 45.6 ล้านคน ทยอยใช้สิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 650 ที่นั่ง ทั้งในอังกฤษ เวลส์ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ ในการเลือกตั้งทั่วไปในวันพฤหัสบดี ที่จัดขึ้นเร็วกว่ากำหนดหลายเดือน หลังนายกรัฐมนตรีริชชี ซูแน็ก ตัดสินใจยุบสภา ที่สร้างความประหลาดแก่สมาชิกในพรรคอย่างมาก และหน่วยเลือกตั้งจะปิดในเวลา 22.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นหรือ 4.00 น. ของเช้าวันศุกร์ตามเวลาไทย
การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเหมือนการลงประชามติต่อพรรคอนุรักษ์นิยมที่บริหารประเทศยาวนาน 14 ปี และผลโพลหลายสำนักบ่งชี้ว่า พรรคแรงงานภายใต้การนำของ คีร์ สตาร์เมอร์ จะสามารถคว้าชัยชนะถย่างถล่มทลาย หลังจากพรรคอนุรักษ์นิยมเผชิญการแย่งชิงอำนาจภายในพรรค และความวุ่นวายทางการเมือง ที่นำไปสู่การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีถึง 5 คน ภายในเวลา 8 ปี โดยพรรคแรงงานมีคะแนนนิยมนำทิ้งห่างพรรคอนุรักษ์นิยมระหว่าง 15-20 จุดเปอร์เซ็นต์
แต่ผลสำรวจ บ่งชี้ว่า ผู้มีสิทธิเลือกตั้งส่วนใหญ่ต้องการการเปลี่ยนแปลงมากกว่าอยากสนับสนุนพรรคแรงงาน ทำให้สตาร์เมอร์อาจต้องเข้ารับตำแหน่งพร้อมความคาดหวัง และภารกิจที่ต้องทำมากมายที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อังกฤษ โดยไม่ได้มีฐานเสียงสนับสนุนหรือเงินคลังมากพอแก้ไขปัญหาเหล่านั้นได้
สตาร์เมอร์ ระบุในแถลงการณ์ถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่า “วันนี้อังกฤษจะเริ่มเปิดบันทึกบทใหม่” และ “เราไม่อาจให้พรรคอนุรักษ์นิยมอยู่ต่ออีก 5 ปีได้ แต่การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ หากลงคะแนนให้พรรคแรงงาน”
พรรคแรงงานหาเสียงด้วยการชูเรื่องเดียว คือ การเปลี่ยนแปลง ในจังหวะที่ประชาชนกำลังโกรธเคืองต่อรัฐบาลเพราะมาตรฐานการครองชีพแย่ลง และเศรษฐกิจปัจจัยที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ความสำคัญมากที่สุด ตามด้วยสุขภาพ และปัญหาผู้อพยพและผู้ลี้ภัย
ขณะที่นายกรัฐมนตรีซูแน็ก ซึ่งอยู่ในตำแหน่งมานาน 20 เดือน ปรับยุทธศาสตร์หาเสียงใหม่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ จากเดิมที่เรียกร้องให้ประชาชนโหวตให้พรรคอนุรักษ์นิยมเป็นรัฐบาลสมัยที่ 5 แต่กลับเน้นเตือนอันตรายที่อาจเกิดขึ้นหากพรรคแรงงานชนะเลือกตั้ง โดยบอกว่า รัฐบาลพรรคแรงงาอาจปรับขึ้นภาษี ทำลายการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และทำให้อังกฤษเปราะบางมากขึ้นในช่วงเวลาของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์