ผู้สมัครกว่า 200 คน จากพันธมิตรพรรคสายกลางของประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง และพรรคต่าง ๆ ในพันธมิตรฝ่ายซ้าย แห่ถอนตัวจากการเลือกตั้งทั่วไปรอบสอง ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 7 กรกฎาคม เพื่อไม่ให้เกิดการแย่งคะแนนเสียงกันเอง หลังจากพรรคแนชันแนล แรลลี (RN) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด ชนะการเลือกตั้งรอบแรกเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน โดยหวังสกัดกั้นไม่ให้พรรคที่นำโดยมารีน เลอเปน คว้าที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรได้ถึง 289 ที่นั่ง ที่จะทำให้ครองเสียงข้างมากในสภา การถอนตัวมีขึ้นก่อนกำหนดเส้นตายวันลงทะเบียนของผู้สมัครเลือกตั้งเมื่อวันอังคารที่ 2 กรกฎาคม
พรรคของเลอเปน ที่มีนโยบายต่อต้านผู้อพพยพและสหภาพยุโรป คว้าคะแนนเสียงมากที่สุด แต่ไม่ถึงกึ่งหนึ่งในรอบแรก ทำให้ต้องจัดเลือกตั้งรอบสอง และเลอเปน ประกาศเมื่อวันอังคารว่า พรรคจะยืนยันจัดตั้งรัฐบาล แม้จะได้ที่นั่งในสภาไม่ถึง 289 ที่นั่งจากทั้งหมด 577 ที่นั่ง และหวังผลักดันให้จอร์แดน บาร์เดลลา หัวหน้าพรรค วัย 28 ปี ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ขณะที่พันธมิตรฝ่ายซ้ายภายใต้ชื่อ นิว ป็อปปูลาร์ ฟรอนท์ (NFP) ได้คะแนนเสียงอันดับ 2 และพันธมิตรของฝ่ายมาครงได้อันดับ 3 ในการเลือกตั้งรอบแรก ทำให้การเลือกตั้งรอบสองจะเป็นการแข่งขันของ 3 กลุ่ม แต่มาครงจับมือกับ NFP เพื่อถอนผู้สมัครที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 3 ออก โดยหวังให้เป็นการแข่งกันระหว่าง 2 ฝ่ายเท่านั้น และจะสามารถขัดขวางไม่ให้พรรค RN ได้เสียงข้างมากในสภา
เลอเปน ประณามการต่อรองทางการเมืองดังกล่าว และบอกว่า การถอนตัวผู้สมัคร และการชี้นำการลงคะแนนเลือกตั้ง เป็นการกระทำที่ดูหมิ่นผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างเลวร้ายที่สุด
แต่ก่อนการถอนตัวของผู้สมัคร โพลส่วนใหญ่ คาดว่า พรรค RN จะได้ที่นั่งเพียง 230-280 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งรอบสอง และนักวิเคราะห์กังวลว่า การไม่มีพรรคใดได้เสียงเกินครึ่งอีกจะทำให้การเมืองเป็นอัมพาตหลายเดือน ในขณะที่การแข่งขันโอลิมปิก ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพจะเริ่มขึ้นปลายเดือนนี้