คณะผู้พิพากษาของศาลฎีกาสหรัฐฯ มีคำวินิจฉัยด้วยเสียง 6 เสียง ต่อ 3 เสียงเมื่อวันจันทร์ว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไม่อาจถูกดำเนินคดีทางอาญา จากการกระทำใด ๆ ที่อยู่ภายใต้อำนาจตามรัฐธรรมนูญในฐานะประธานาธิบดี แต่อาจถูกดำเนินคดีได้ หากเป็นการกระทำโดยส่วนตัว คำตัดสินนี้นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้งประเทศว่า อดีตประธานาธิบดีจะได้รับการคุ้มครองจากการถูกดำเนินคดีอาญา
คำตัดสินของศาลฎีกาสหรัฐฯ มีขึ้นในวันสุดท้ายของวาระดำรงตำแหน่งของคณะผู้พิพากษา ทรัมป์ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำตัดสินของศาลอื่นก่อนหน้านี้ที่ปฏิเสธคำอ้างเรื่องเอกสิทธิ์และความคุ้มกัน ระหว่างที่ทรัมป์กำลังพยายามสู้คดี ที่ถูกกล่าวหาว่า ปลุกระดมให้ผู้สนับสนุนเดินขบวนเพื่อคัดค้านผลเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563 ที่เขากล่าวหาว่า ถูกปล้นชัยชนะ จนนำไปสู่เหตุก่อจลาจลบุกรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564
และเนื่องจากกระบวนการพิจารณาที่ล่าช้าของศาลฎีกา ทำให้คาดว่า การพิจารณาคดีที่ทรัมป์ถูกยื่นฟ้องว่า พยายามล้มล้างผลเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2563 จะไม่สามารถเสร็จสิ้นได้ทันก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันที่ 5 พฤศจิกายน
ทรัมป์โพสต์ในแพลตฟอร์ม “โซเชียลทรูธ” ที่เขาตั้งขึ้นว่า “ชัยชนะครั้งใหญ่สำหรับรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยของเรา ภูมิใจที่เป็นคนอเมริกัน”
แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงว่า คำตัดสินของศาลทำให้เกือบแน่นอนว่า แทบไม่มีขีดจำกัดสำหรับสิ่งที่ประธานาธิบดีสามารถทำได้ เป็นหลักการใหม่ และเป็นบรรทัดฐานที่อันตราย เนื่องจากอำนาจของผู้ดำรงตำแหน่งจะไม่ถูกควบคุมภายใต้กฎหมายอีกต่อไป ซึ่งรวมถึงศาลฎีกาสหรัฐฯ
เขาเรียกร้องให้ชาวอเมริกันร่วมกันพิพากษาพฤติกรรมของทรัมป์ และตัดสินใจว่า การทำลายประชาธิปไตยจากการบุกสภาในวันที่ 6 มกราคม ยังทำให้ทรัมป์เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งสูงสุดในประเทศหรือไม่
ขณะที่ผู้ประท้วงรวมตัวที่ด้านนอกศาลฎีกาแสดงความโกรธแค้นต่อคำตัดสิน โดยบางคนชูป้ายที่มีข้อความว่า “ทรัมป์ไม่อาจอยู่เหนือกฎหมาย” และคนหนึ่ง บอกว่า ทรัมป์เป็นปิศาจ และอเมริกาจะไม่ได้รับการเคารพจากคนในโลก หากปล่อยให้ “คนที่โกหกเป็นนิสัย” เข้าไปบริหารประเทศ ขณธที่อีกคน บอกว่า คำตัดสินของศาลจะส่งผลกระทบต่อประชาธิปไตยของสหรัฐฯ