กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมากำลังเข้าสู่ระดับต่อไป

เดวิด สก็อตต์ มาธีสัน นักวิเคราะห์อิสระผู้เชี่ยวชาญสถานการณ์ในเมียนมา ให้สัมภาษณ์สื่อของเยอรมนี กรณีที่กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์โจมตีจุดยุทธศาสตร์สำคัญทางการทหารและสามารถยึดพื้นที่สำคัญได้หลายจุด โดยมองว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นในเมียวดี นับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญของฝ่ายรัฐบาลทหารเมียนมา ทั้งในเชิงสัญลักษณ์และทางเศรษฐกิจ เพราะเมียวดีเป็นเมืองที่มีความสำคัญต่อการค้าระหว่างไทยและเมียนมา มีสินค้ามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ที่ถูกส่งข้ามพรมแดนในแต่ละปี

นอกจากนี้ กลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารยังกดดันกองกำลังฝ่ายทหารของเมียนมาจนต้องล่าถอยในอีกหลายพื้นที่ ทั้งในรัฐกะฉิ่น ยะไข่ คะเรนนี และฉาน 

ขณะที่แซคารี อาบูซา ศาสตราจารย์ที่วิทยาลัยการสงครามแห่งชาติในกรุงวอชิงตัน มองว่า การต่อสู้ที่เกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งใน 8 เขตการสู้รบที่แตกต่างกันทั่วประเทศ ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ากลุ่มชาติพันธุ์มีความแข็งแกร่งหรือซับซ้อน แต่เป็นยุทธศาสตร์ที่ทำให้กองทัพทหารไม่สามารถเคลื่อนกำลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความล่าช้าและการกระจัดกระจายของกำลังพล จนเสียเปรียบในที่สุด

เหล่านักวิเคราะห์ต่างมองว่ากองกำลังชาติพันธุ์เหล่านี้กำลังจะใช้ความได้เปรียบเพื่อยกระดับการต่อสู้เข้าสู่ระยะต่อไป อย่างเช่น การบุกยึดกรุงเนปิดอว์ เมืองหลวงและศูนย์กลางการบริหารของประเทศที่มีป้อมปราการป้องกันอย่างแน่นหนา และแทบไม่เคยได้รับความเสียหายจากความขัดแย้งมาก่อน เพื่อแสดงให้เห็นว่า จะไม่มีสถานที่ใดที่พวกนายพลจะสามารถหลบซ่อนได้อย่างปลอดภัย

ขณะที่รัฐบาลทหารยังคงพยายามดิ้นรนด้วยการประดับยศให้กับบุคลากรและยกระดับการติดอาวุธ รวมถึงการเร่งเกณฑ์ทหารทั้งชายและหญิง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาอาจจะล่าถอยแต่ยังไม่ยอมแพ้ ทั้งยังเชื่อมั่นในเครือข่ายฐานทัพและการผลิตอาวุธ หลังจากนี้อาจกลายเป็นฝ่ายกองกำลังต่อต้านที่ต้องระวังการโต้กลับ เพราะเมื่อใดก็ตามที่รัฐบาลทหารเกิดความสุญเสีย พวกเขามันจะตอบโต้อย่างหนักด้วยการโจมตีทางทหารระดับรุนแรงเสมอ