svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

50 วัน ชีวิตตัวประกันไทยในเงื้อมมือฮามาส

หนึ่งในตัวประกันชาวไทยที่ได้รับอิสรภาพจากกลุ่มฮามาส และได้กลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน ได้ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเผยสภาพที่พวกเขาต้องเผชิญ หลังถูกกลุ่มติดอาวุธของฮามาสจับไปเป็นตัวประกันที่ฉนวนกาซานาน 50 วัน

นายอนุชา อ่างแก้ว แรงงานไทยวัย 28 ปี ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์แบบเจาะลึกเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ตกเป็นตัวประกันในฉนวนกาซาว่า เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2566 เขายังเล่นฟุตบอลกับเพื่อน ๆ ที่เมืองเนติวอต ทางใต้ของอิสราเอล และนอนหลับไปก่อนจะตื่นขึ้นมาเพราะเสียงจรวดที่ยิงข้ามฟ้า ทำให้เขากับเพื่อน ๆ อีก 5 คน รีบกลับไปที่เมืองคิบบุทซ์ เรอิม และเข้าไปหลบใน "ห้องปลอดภัย" ใกล้กับฟาร์มอโวคาโดที่พวกเขาทำงานอยู่ 

หลังซ่อนตัวอยู่นานราว 1 ชั่วโมง และได้ยินเสียงดังอยู่ด้านนอก นายอนุชากับเพื่อนจึงตัดสินใจออกมาข้างนอก เพราะคิดว่าอาจะเป็นเสียงของกองกำลังป้องกันประเทศของอิสราเอล (IDF) ที่มาช่วยพวกเขา แต่กลับกลายเป็นกลุ่มติดอาวุธของฮามาส 10 คน มีธงปาเลสไตน์ติดที่แขน ซึ่งนายอนุชาบอกว่าตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 07.30 น.ตามเวลาท้องถิ่น (12.30 น.ตามเวลาในไทย ของวันที่ 7 ตุลาคม 2566) ที่ตรงกับวันสำคัญทางศาสนาของชาวอิสราเอล (Black Shabbat) และเป็นวันที่เลวร้ายของเขา 

50 วัน ชีวิตตัวประกันไทยในเงื้อมมือฮามาส

นายอนุชาบอกว่า แรงงานไทยในกลุ่มเดียวกับเขาถูกสังหารไป 2 คน รวมทั้งเพื่อนที่ถูกยิงต่อหน้าต่อตา ส่วนที่เหลือถูกพาขึ้นรถกระบะเข้าไปในฉนวนกาซา เมื่อไปถึงพวกเขาก็ถูกส่งตัวต่อให้กลุ่มติดอาวุธกลุ่มย่อย ๆ ที่พาเข้าไปในชั้นใต้ดินของบ้านร้างหลังหนึ่งที่คล้ายโรงเก็บของ ตรวจหาอาวุธก่อนจับมัดมือไพล่หลัง และได้พบกับเด็กหนุ่มชาวอิสราเอลวัย 18 ปี ที่ทำงานในฟาร์มอโวคาโดด้วยกัน

อีก 1 ชั่วโมงต่อมา ทั้ง 5 คน ถูกพาขึ้นรถกระบะไปยังอาคารขนาดเล็กที่นำไปสู่อุโมงค์ใต้ดิน ทุกคนถูกทำร้ายและถูกถ่ายภาพ จากนั้นก็ถูกพาเดินผ่านทางแคบ ๆ ราวหนึ่งกิโลเมตร และพื้นเป็นทราย ไปยังห้องขนาด 1.50 x 2 เมตร นายอนุชาบอกว่าการทุบตีดำเนินไปอีก 2 วัน ก่อนแยกชายชาวอิสราเอล 2 คน ไปเตะ ต่อยและเฆี่ยนด้วยสายไฟ

50 วัน ชีวิตตัวประกันไทยในเงื้อมมือฮามาส

นายอนุชาเล่าถึงสภาพความเป็นอยู่ว่า ช่วงแรกต้องนอนอยู่บนพื้นที่เต็มไปด้วยทราย ได้รับอาหารเป็นขนมปัง 2 ครั้งต่อวัน มีน้ำดื่มแค่ 2 ขวด สำหรับตัวประกัน 6 คนในห้องแคบ ๆ มีหลุมขุดไว้สำหรับขับถ่ายใกล้กับห้องขัง และต้องมีการ์ดติดอาวุธคุ้มกันตลอดเวลาที่ทำธุระส่วนตัว ต่อมาตัวประกันชาวไทยถูกย้ายไปอีกห้องหนึ่งที่กว้างขึ้น มีแผ่นพลาสติกปูนอน มีแสงไฟจากหลอดไฟ 3 ดวง และซุ้มเป็นห้องน้ำส่วนตัว ไม่โดนทำร้ายร่างกายอีก และได้รับอาหารที่ดีขึ้นรวมถึงถั่ว เนย และข้าว

นายอนุชาบอกว่า สำหรับเขามื้ออาหารคือนาฬิกา รอยขีดที่ผนังคือปฏิทินที่เขานับวันที่ตกเป็นตัวประกัน แต่วิธีการได้เปลี่ยนไป เมื่อกลุ่มติดอาวุธเอาเอกสารไปให้เซ็นหลังถามชื่อและสัญชาติ ก่อนทิ้งปากกาลูกลื่นไว้โดยไม่ตั้งใจ ตัวประกันไทยยังมีสิ่งเยียวยาคือ เกมหมากรุกที่ทำขึ้นเองจากแผ่นพลาสติกและกระดาษกล่องยาสีฟัน นึกย้อนถึงความหลังกับครอบครัว และความคิดถึงอาหารไทย โดยเฉพาะ "ซอยจุ๊" ที่เขาพูดถึงและฝันถึงอยู่ตลอดเวลา

50 วัน ชีวิตตัวประกันไทยในเงื้อมมือฮามาส

เมื่อเข้าสู่วันที่ 35 ของการตกเป็นตัวประกัน มีชายชุดดำเข้ามาตรวจสอบพวกเขาเพียงชั่วครู่ จากการสังเกตพฤติกรรมของการ์ดก็เชื่อว่า ชายชุดดำน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกลุ่มติดอาวุธ และวันในวันหนึ่งการ์ดได้เอาอาหารมาส่งและบอกว่า "ให้คนไทยกลับบ้านได้"

คนไทยทั้ง 4 คน ถูกพาตัวผ่านอุโมงค์นานเกือบ 2 ชั่วโมง และขึ้นมาบนพื้นดินที่เป็นฐานที่มั่นของกลุ่มติดอาวุธ ที่มีตัวประกันหญิงชาวอิสราเอลจำนวนหนึ่งรออยู่ด้วย และ 11 ชั่วโมงต่อมา พวกเขาก็อยู่ในความดูแลของหน่วยกาชาด ที่พาพวกเขาออกจากกาซาเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2566 นายอนุชาบอกด้วยว่า ไม่คิดฝันว่าจะได้รับการปล่อยตัวและเหมือนกับการเกิดใหม่ แม้ว่าสิ่งที่ยากจะทำใจที่สุดในความขัดแย้งอิสราเอล-ฮามาส ก็คือการสูญเสียเพื่อนไปต่อหน้าต่อตา

50 วัน ชีวิตตัวประกันไทยในเงื้อมมือฮามาส

กลุ่มติดอาวุธได้จับตัวประกันไปอย่างน้อย 240 คน รวมทั้งคนไทย 31 คน และได้รับการปล่อยตัวไปแล้วมากกว่า 100 คน แต่ยังเหลืออยู่ราว 138 คน รวมทั้งคนไทย 8 คน