มหาวิทยาลัยซีอาน เจียวถง ในเมืองซีอาน มณฑลส่านซี ประกาศเมื่อวันพุธ (20 กันยายน) ว่า ต่อไปนี้นักศึกษาไม่จำเป็นต้องผ่านการทดสอบภาษาอังกฤษมาตรฐานทั่วประเทศ หรือ ผลสอบภาษาอังกฤษอื่น ๆ เพื่อจบการศึกษาระดับปริญญาตรี
การประกาศดังกล่าวจุดประเด็นวิพากษณ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดีย โดยหลายคนชื่นชมการตัดสินใจ และเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยอื่น ๆ ทำตาม
“ดีมาก ฉันหวังว่ามหาวิทยาลัยอื่น ๆ จะทำตาม มันน่าขันที่ใบรับรองทางการศึกษาของประชาชนจีนจะสมบูรณ์ได้ด้วยผลสอบภาษาต่างประเทศ” นี่เป็นโพสต์หนึ่งในเวบไซต์ เวยโป๋ ที่มีคนถูกใจกว่า 24,000 ครั้ง และแฮชแทกที่เกี่ยวข้องมีผู้อ่านมากกว่า 350 ล้านครั้งในวันพฤหัสบดี
การทดสอบภาษาอังกฤษระดับอุดมศึกษา (College Englist Test) ที่เป็นการทดสอบด้วยมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 1987 และการสอบผ่านเป็นเงื่อนไขหนึ่งของการจบการศึกษาในมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ของจีนมานานหลายสิบปี แม้ว่า รัฐบาลจีนไม่เคยกำหนดเป็นนโยบายอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
สิ่งนี้สะท้อนว่ามหาวิทยาลัยในจีนให้ความสำคัญกับภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะช่วงที่จีนพยายามเปิดประเทศ และก้าวให้ทันปาะเทศที่พัฒนาแล้ว หลังผ่านยุคของเหมา เจ๋อตง
แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยบางแห่งทยอยลดความสำคัญของภาษาอังกฤษ ด้วยการเปลี่ยนจากการทดสอบภาษาอังกฤษมาตรฐานของประเทศด้วยการทดสอบของตัวเอง หรือมหาวิทยาลัยซีอาน เจียวถง เลิกใช้ผลการสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษเป็นเกณฑ์จบการศึกษา
อินฟลูเอนเซอร์ ที่มีแนวคิดชาตินิยมคนหนึ่ง ที่มีผู้ติดตาม 6 ล้านคน โพสต์ในเวยโป๋ว่า “ภาษาอังกฤษสำคัญ แต่จีนพัฒนาแล้ว ภาษาอังกฤษไม่ได้สำคัญแบบนั้นอีกแล้ว” และบอกด้วยว่า “ควรเป็นชาวต่างชาติที่หันมาเรียนรู้ภาษาจีน”
จีนมีกระแสชาตินิยมเพิ่มมากขึ้นภายใต้การปกครองของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เรียกร้องให้ประเทศเพิ่มความเชื่อมั่นในวัฒนธรรมของประเทศ และปกป้องไม่ให้ถูกครอบงำจากอิทธิพลตะวันตก
ในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย ครูถูกห้ามใช้แบบเรียนของตะวันตก หรือ พูดเรื่อง “ค่านิยมตะวันตก” เช่น ประชาธิปไตย, เสรีภาพสื่อมวลชน และความเป็นอิสระของตุลาการ
นอกจากนี้ยังมีความพยายามลดการสอนภาษาอังกฤษในห้องเรียน เช่น ในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นเมืองที่มีความสากลมากที่สุดในจีน ทางการท้องถิ่นประกาศในปี 2564 ห้ามโรงเรียนประถมจัดการสอบปลายภาคเรียนเป็นภาษาอังกฤษ โดยอ้างว่าเพื่อลดภาระทางวิชาการแก่นักเรียน นอกจากนี้นักการเมืองและที่ปรึกษารัฐบาลบางคน เสนอให้ถอดวิชาภาษาอังกฤษออกจากหลักสูตรการเรียนในโรงเรียนและการสอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยของประเทศ
แต่ชาวจีนที่มีแนวคิดค่อนข้างเสรี มองว่า การลดความสำคัญของภาษาอังกฤษสะท้อนว่าจีนกำลังมองตัวแต่ตัวเอง
ความเห็นหนึ่งในเวยโป๋ ระบุว่า “เราควรมีความมั่นใจในวัฒนธรรมของตัวเอง แต่ไม่ใช่การหยิ่งผยอง ไม่มีวิสัยทัศน์ หรือ จิตใจคับแคบ” และอีกโพสต์หนึ่ง บอกว่า “เราจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อเข้าใจโลก นี่เป็นความจริง และไม่อาจปกปิดด้วยแนวคิดชาตินิยม”