นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงความเห็นของฝ่ายค้าน ภายหลังคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร เพื่อเดินหน้า Entertainment Complex ว่า ฝ่ายค้านจะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง แต่แนวคิดการสร้างสถานบันเทิงครบวงจรได้เกิดมาตั้งแต่สภาผู้แทนราษฎรชุดที่แล้ว ที่ได้มีการตั้งคณะกรรมาธิการฯ ขึ้นมาศึกษา และมีกลุ่มจีนเทา ซึ่งเป็นบริษัทหยาไท่ และเป็นเจ้าของชเวโกะโก เข้ามานำเสนอความเห็น ราวกับมาขายงาน ดังนั้น สัญญาณการพัฒนา Entertainment Complex รัฐบาล จะต้องเผชิญกับความมุ่งหมายของกลุ่มจีนเทา หรือทุนสีเทา ในฐานะผู้ประกอบการ ถึงอาจนำเงินที่ผิดกฎหมาย มาฟอกเงินในคาสิโน ฉะนั้น รัฐบาลได้เตรียมการรับมือ และแก้ปัญหาในเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด ซึ่งตนยังไม่เห็นรัฐบาลสื่อสาร หรือมีความพยายามใด ๆ ในการทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องดังกล่าว ตนจึงกังวลว่า หากประเทศไทยมีคาสิโน จะยังไม่สามารถรับมือกับกลุ่มทุนสีเทาได้
นายรังสิมันต์ ยังเห็นว่า กฎหมาย และโครงสร้างระบบราชการไทย ยังไม่พร้อมต่อการรับมือปัญหาดังกล่าวที่จะเกิดขึ้น เพราะปัจจุบัน ยังมีปัญหาบัญชีม้า หรือปัญหาซิมม้า มีกลุ่มทุนสีเทา หรือทุนจีน ที่มาฟอกเงิน ค้ามนุษย์โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ก็ยังไม่มีแนวทางการแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างเป็นรูปธรรม ตนเองจึงเป็นห่วงต่อผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจาก Entertainment Complex และคาสิโน ที่จะมีขึ้น
รวมถึงปัญหาความโปร่งใส ที่นายรังสิมันต์ เห็นว่า จะเกิดคอร์รับชัน ทั้งการเลือกสถานที่ การอนุมัติใบอนุญาต ที่จะมีกลุ่มทุนเพียงไม่กี่รายที่มีคุณสมบัติได้รับใบอนุญาต จึงอาจเกิดการล็อกสเปก และเกิดคำถามถึงความโปร่งใส รวมถึงเกิดผลกระทบทางสังคมจากคาสิโน เพราะประเทศไทย ไม่เคยมีคาสิโนขนาดเล็กมาก่อน ดังนั้น จากเหตุผลทั้งหมด ตนเห็นว่า การเร่งรัด Entertainment Complex ของรัฐบาล อาจจะเป็นอันตรายต่อประเทศไทยได้ และการสื่อสารผ่านเวทีต่าง ๆ เพื่อแสดงความพร้อมให้ประชาชนมั่นใจก็ยังมีน้อยมาก
ส่วนกรณีที่รัฐบาลต้องการหาแหล่งงบประมาณใหม่ ๆ ด้วยการเร่งรัดดำเนินการEntertainment Complex นั้น นายรังสิมันต์ เห็นว่า ประเทศไทยเผชิญกับปัญหาเม็ดเงินออกนอกประเทศ จากธุรกิจสีเทา โดยเฉพาะจากคอลเซ็นเตอร์ ไม่น้อยกว่า 100,000 ล้านบาท รวมถึงปัญหายาเสพติดที่มากกว่า 100,000 ล้าน พร้อมมั่นใจว่า เม็ดเงินของประชาชน ที่ไหลไปสู่กลุ่มทุนสีเทา ไม่น้อยกว่า 300,000 ล้านบาท แต่เม็ดเงินเข้าประเทศจาก Entertainment Complex นั้น ก็อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล เพราะยังจะต้องเผชิญคู่แข็งจากมาเก๊า สิงคโปร์ หรือโอซาก้า ของญี่ปุ่นที่กำลังดำเนินการ รวมถึงบ่อนตามหัวเมืองต่าง ๆ อีกจำนวนมาก จนทำให้นักท่องเที่ยวเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องมาที่ Entertainment Complex ของไทย ดังนั้น รัฐบาลจึงอย่าคิดว่า จะสวยหรู และจะเป็นไปได้ตามเป้าหมาย หรือหากสามารถเป็นไปตามเป้าหมาย แต่ก็อาจจะไม่ได้สร้างการลงทุนเพิ่มขนาดนั้น เพราะอย่างหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ และเมืองพัทยา ภูเก็ต ก็มีทั้งสถานที่พร้อมทั้งโรมแรม ห้องประชุม สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ที่ครบถ้วนอยู่แล้ว เติมเพียงคาสิโนเพิ่ม ก็ถือเป็น Entertainment Complex จึงไม่มีความจำเป็นต้องไปลงทุนก่อสร้างใหม่แต่อย่างใด
นายรังสิมันต์ ยังย้ำว่า ตนเองมีความเป็นห่วงกับการคิดโครงการขนาดใหญ่ โดยไม่มีประสบการณ์การควบคุมผลกระทบทางสังคม อาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี และจะเป็นการผลักดันที่คุ้มค่าหรือไม่ โดยเฉพาะในวันที่รัฐบาลยังไม่มีมาตรการเตรียมการรับมือใด ๆ โดยเฉพาะการฟอกเงิน