ฟานิ วิลลิส อัยการรัฐจอร์เจีย เริ่มเปิดการสอบสวนในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 เกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่า อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และพวก 18 คน แทรกแซงผลคะแนนการเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2563 ในรัฐจอร์เจีย
และในเอกสารคำฟ้องยาว 98 หน้าที่อัยการเผยแพร่เมื่อคืนวันจันทร์ ระบุว่า อัยการได้ตั้งข้อหาทรัมป์และอีก 18 คน รวมกัน 41 กระทง และให้เวลาทั้งหมดมอบตัวด้วยความสมัครใจภายในก่อนเที่ยงวันที่ 25 สิงหาคม
ทรัมป์ถูกยื่นฟ้องคดีอาญาเป็นคดีที่ 4 แล้วภายในเวลาไม่กี่เดือน โดยถูกระบุว่า เป็นผู้นำองค์กรอาชญากรรม ที่พยายามล้มล้างผลคะแนนการเลือกตั้ง เขาถูกตั้งข้อหารวม 13 กระทง ซึ่งรวมถึง ฉ้อโกงรัฐ ปลอมแปลงเอกสาร ส่งเอกสารเท็จ โน้มน้าวให้เจ้าหน้าที่รัฐผิดคำสาบาน และข่มขู่พยาน
และข้อหาร้ายแรงที่สุด คือ ละเมิดกฎหมายว่าด้วยองค์กรที่ชักจูงให้ผู้อื่นกระทำผิดกฎหมายและทุจริต ซึ่งมีโทษสูงสุด คือ จำคุก 20 ปี แต่เขาปฏิเสธข้อหาทั้งหมด โดยโต้แย้งว่าเป็นการดำเนินคดีโดยมีเหตุจูงใจทางการเมือง
ส่วนจำเลยที่สมรู้ร่วมคิดในคดีนี้ มีทั้ง รูดอล์ฟ จูเลียนี อดีตทนายความส่วนตัวของทรัมป์, มารค์ มีโดวส์ อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว, จอห์น อีสต์แมน อดีตทนายความทำเนียบขาว และเจฟฟรีย์ คลาร์ก อดีตรักษาการผู้ช่วยอัยการสูงสุดฝ่ายคดีแพ่ง
อัยการระบุว่า ทั้ง 18 คน รู้ดีและเต็มใจที่จะร่วมสมคบคิดในการเปลี่ยนแปลงผลการเลือกตั้งโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ของทรัมป์
การสอบสวนของอัยการในคดีนี้มุ่งเน้นที่บทสนทนาระหว่างทรัมป์ กับ แบรด ราฟเฟนสเปอร์เกอร์ เลขานุการรัฐจอร์เจียคนปัจจุบันสังกัดพรรครีพับลิกัน โดยทรัมป์ขอให้ราฟเฟนสเปอร์เกอร์ ช่วยหาคะแนนเสียงเพิ่มอีก 11,780 คะแนน เพื่อให้เขาสามารถเฉือนชนะไบเดน ที่มีคะแนนทิ้งห่างเขาอยู่ 11,779 คะแนน
ทรัมป์ออกมาตอบโต้ทันทีหลังมีการเผยแพร่คำฟ้อง โดยระบุในอีเมล์ระดมเงินหาเสียงเลือกตั้งว่า คดีในรัฐจอร์เจียเป็นการแทรกแซงการเลือกตั้งครั้งที่ 4 ในนามของพรรคเดโมแครต เพื่อพยายามทำให้ทำเนียบขาวยังอยู่ภายใต้การควบคุมของจอมโกงโจ ไบเดน และจำคุกคู่แข่งยักษ์ใหญ่ที่สุดเพียงคนเดียวของการเลือกตั้งปี 2567