Akindo Sushiro Co. เจ้าของร้านซูชิสายพานชื่อดัง "Sushiro" ตัดสินใจยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายจำนวน 67 ล้านเยน (ราว 16 ล้าน 6 แสนบาท) จากเด็กผู้ชายที่เลียขวดโชยุ ที่ส่งผลให้ยอดขายตกเพราะลูกค้าขยาดเกินกว่าจะเข้าร้าน หลังคลิปวิดีโอเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดียเมื่อเดือนมกราคม
คำฟ้องที่ Akindo Sushiro Co. ยื่นต่อศาลแขวงโอซากา วันที่ 22 มีนาคม 2566 ระบุว่าเด็กหนุ่มผู้ก่อเหตุได้ไปที่ร้าน Sushiro สาขาจังหวัดกิฟุ พร้อมกับเพื่อนคนหนึ่ง เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2566 และได้ถ่ายคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นเขาเลียขวดโชยุที่เปิดฝาและถ้วยที่ยังไม่ได้ล้าง ทั้งยังเอานิ้วมือที่เปื้อนน้ำลายไปแตะซูชิในจานที่วิ่งมาตามสายพาน
คลิปวิดีโอนี้ถูกอัปโหลดบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2566 ส่งผลให้ยอดขายตกแบบกราวรูดหลังจากคลิปถูกแชร์จนเป็นไวรัล ซึ่งในคำฟ้องยังระบุด้วยว่าคลิปนี้ส่งผลให้มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market capitalisation) หายไปกว่า 16,000 ล้านเยน (เกือบ 4,000 ล้านบาท) ระหว่างวันที่ 30-31 มกราคม 2566
หลังเกิดเหตุ Akindo Sushiro ต้องลงทุนติดตั้งที่กั้นพลาสติกทุกร้านสาขามากกว่า 600 ร้านทั่วประเทศ ส่งผลให้เสียค่าใช้จ่าย 90 ล้านเยน (22 ล้านบาท) ซึ่งเป็นไปได้ว่ามาตรการป้องกันที่เพิ่มขึ้น อาจจะส่งผลจำนวนเงินที่เรียกค่าเสียหายเพิ่มตามไปด้วย
คลิปวิดีโออันน่าสะอิดสะเอียนความยาว 45 วินาที ยังทำให้เกิดคำว่า "ก่อการร้ายซูชิ" ที่อธิบายถึตงพฤติกรรมที่ไม่ถูกสุขอนามัยในร้านอาหารซูชิสายพานที่อยู่ในจาน ที่วิ่งผ่านไปตามโต๊ะของลูกค้าที่ให้บริการตลอดทั้งวัน หลังถูกจับได้เด็กที่ก่อเหตุได้ยอมรับว่าเลียจริงและย้ำว่าสำนึกผิดแล้ว แต่ทีมทนายของเขาโต้แย้งว่าคลิปวิดีโอที่เห็นเป็นการแชร์ในหมู่เพื่อน และไม่ได้มีเจตนาที่จะทำคลิปวิดีโอเผยแพร่ทางออนไลน์
ทนายยังอ้างด้วยว่าไม่มีความเกี่ยวข้องที่ชัดเจนระหว่างการกระทำของเด็ก กับจำนวนลูกค้าที่ลดลงไปด้วย เพราะมีการแข่งขันระหว่างร้านซูชิสายพานด้วยกัน รวมทั้งบริษัท Kura Sushi Inc. ที่ตกเป็นเหยื่อการเล่นแผลง ๆ แบบเดียวกันในปีนี้เช่นกัน จากการที่มีชายวัยประมาณ 30 ปี ที่เป็นชาวเมืองนาโงยะ จังหวัดไอจิ แสดงพฤติกรรม "เป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกิจ" ด้วยการเลียขวดโชยุที่หนึ่งในร้านสาขาของบริษัท