เจ้าหน้าที่ในเมืองบราวน์สวิลล์ รัฐเท็กซัส ของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเหตุเมื่อเวลาราว 8.30 น. ของวันอาทิตย์ว่า รถยนต์แลนด์โรเวอร์คันหนึ่งพุ่งชนคนหลายคนที่ป้ายรอรถประจำทางใกล้กับศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพ และพบผู้เสียชีวิต 7 รายในที่เกิดเหตุ และผู้บาดเจ็บ 10 ราย ได้รับการนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ต่อมาผู้บาดเจ็บรายหนึ่งเสียชีวิต ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 8 ราย ซึ่งมีผู้อพยพรวมอยู่ด้วย
ตำรวจเปิดเผยว่าผู้เห็นเหตุการณ์ช่วยกันจับตัวผู้ขับขี่ไว้ได้และรอจนเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไป ผู้ขับขี่ได้รับการปฐมพยาบาล และถูกจับกุมในข้อหาขับรถโดยประมาท และอาจมีการตั้งข้อหาเพิ่มเติม
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ระบุว่า เขาเป็นชายชาวฮิสแปนิก และไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่สอบปากคำเท่าที่ควร และแจ้งชื่อตัวเองหลายชื่อ เจ้าหน้าที่จึงต้องตรวจสอบลายนิ้วมือเพื่อระบุตัวตนที่แท้จริง รวมทั้งยังเก็บตัวอย่างเลือด และสั่งทดสอบทางพิษวิทยา
ทางการกำลังสอบสวนว่า เหตุการณ์รถชนคนครั้งนี้เป็นเพียงอุบัติเหตุหรือเกิดขึ้นโดยจงใจ ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า คนขับรถขับฝ่าไฟแดง และวิ่งขึ้นไปบนฟุตบาธและชนคนที่ป้ายรอรถโดยสาร
ผู้อำนวยการศูนย์ช่วยเหลือผู้อพยพ บอกว่า ขณะเกิดเหตุมีผู้อพยพราว 20-25 คน นั่งรออยู่ที่ป้ายรอรถโดยสาร และภาพจากกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่า รถยนต์ขับพุ่งมาอย่างรวดเร็ว และชนห่างจากผู้อพยพราว 30 ฟุต และเสียหลัก
เมืองบราวน์สวิลล์อยู่ทางตอนใต้สุดชองรัฐเท็กซัส ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำรีโอแกรนด์และมีประชากรเกือบ 95% เป็นชาวฮิสแปนิกหรือลาติโน และเมืองนี้ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินหลังมีผู้อพยพหลายพันคน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากเวเนซุเอลา หลั่งไหลเข้าสู่เมืองนี้ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และคาดว่า ผู้อพยพจะเพิ่มมากขึ้นอีกเมื่อมาตการจำกัดการข้ามพรมแดนเพื่อควบคุมโควิด-19 ในสมัยของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะสิ้นสุดลงในวันที่ 11 พ.ค.