สร้างรอยยิ้มและความสนุกพร้อมเสียงหัวเราะให้คนมากมาย สำหรับ ชูษี เชิญยิ้ม นักแสดงตลกชื่อดังว่าในอดีตช่วงที่คาเฟ่รุ่งเรืองได้เงินเป็นล้นหลามนั้นตัวเองก็หลงมัวเมาในแสงสีจนแทบไม่มีเงินเก็บเพราะมีเข้ามาก็ใช้ออกไป แต่ยังดีที่กลับตัวทันเพราะ ลูก พร้อมยังเล่าเรื่องราวก่อนที่จะมาเป็นนักแสดงตลกอย่างเต็มตัว
แล้วเข้ามาสู่วงการตลกได้อย่างไรเอ่ย ???
ชูษี เชิญยิ้ม : ตอนนั้นที่วงให้เราไปช่วยเขาตีกลองรับจังหวะมุขที่เขาเล่นกันบทเวที (แบบนั้นก็กินข้าว กินน้ำไปมือเท้าเราก็ตีกลองให้จังหวะเขาไป) เราก็เลยรู้จังหวะหมดว่าเขาจะพูดอะไรจะทำอะไรกันแล้วก็มีวันหนึ่งตลกขาด ตอนนั้นก็ไม่มีใครแล้วก็เป็นเราที่ขึ้นไปเล่น แต่พอไปอยู่หน้าเวทีคือ พูดอะไรไม่ออกเลยครับ มือไม้สั่นไปหมด คนดูนั่งข้างๆตบหัวเราเลยว่าเราว่าข้างล่างอย่างกับนกหวีดร้อง แต่พอขึ้นสังเวียนสุนัขไม่รับประทาน แต่ต้องยอมรับเลยว่าคาเฟ่ตอนนั้นที่ผมอยู่กับพี่โน้ต คือผมได้วันละเป็นหมื่น สองหมื่นเลยนะครับ ต่อคืน ถามว่าเราหลงระเริงไหม หลงระเริงเลยครับตอนนั้น
พอเราดังเรื่องผู้หญิงก็เข้ามา แถมขึ้นชื่อว่าคือหนึ่งใน คาสโนวา เลยแบบที่ว่า 16 วัน 15 คน มันยังไงเอ่ย
ชูษี เชิญยิ้ม : ผมเป็นประเภทพวกหมาหยอกไก่ สมัยก่อนนะครับ ตอนนี้คือ ไม่แล้วชูษีตายแล้ว
แต่ครั้งหนึ่งก็เคยมีชีวิตคู่กับตลกด้วยกัน
ชูษี เชิญยิ้ม : ก็เล่นกันไปสวนกันไปกันมาตอนแรกก็ไหว้กันไปกันมา แต่พอหลังๆบอกว่าไม่ต้องไหว้แล้วรักกันเถอะ แต่เพราะว่าความชั่วร้ายมันอยู่ที่ตัวเราแหละที่ไปติดนักร้องแล้วก็มีเรื่องมีราวตบตีกันหน้าคาเฟ่
กับภรรยาเคยทะเลาะกันเรื่องอะไรบ้าง
ชูษี เชิญยิ้ม : คือตอนนั้นผมโมโหกลับมาจากทำงานเราก็เขกหัวเขาแล้วผมก็ออกจากบ้านไปเลย แต่ผมไม่เข้าบ้านสามเดือนเลยนะตอนนั้นคิดว่าเลิกกันแน่นอน ซึ่งเราออกนอกบ้านไปเราก็ไปมีกิ๊กกั๊กบางเพราะต้องบอกเลยว่าสันดานตลกร้อยเกือบทั้งร้อยเจ้าชู้
แต่สิ่งหนึ่งที่น่าเอาเป็นแบบอย่างมากๆคือ เป็นคนที่รักคุณแม่มาก
ชูษี เชิญยิ้ม : วันไหนก็รักแม่ได้เราไปหาเอาเงินให้คุณยิ่งให้ยิ่งได้ผมคิดแบบนี้นะ ผมคือเอาเงินฟาดแม่ตลอดเวลาอย่าเพิ่งตายนะแม่นะ แบบบางครั้งเขาเห็นเราลำบากเพราะว่าเราไม่มีงานแม่เขาก็บ่นว่าอยากตายเพราะว่าถ้าเขาตายเราจะได้เงิน เราก็ถามว่าได้เท่าไหร่แม่ 4-5 แสน เราก็บอกว่ายังๆให้ครบ 10 ล้านก่อนแล้วค่อยตายแม่
ที่มาCHANGE2561