น.ส.สุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่ ตามนโยบายนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเน้นสินค้าเทรนด์รักโลก ล่าสุดได้รับรายงานจาก นางกุลธิดา บัณฑุรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู สาธารณรัฐประชาชนจีน ถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน การฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม อสังหาริมทรัพย์ การส่งออก การลงทุน การบริโภค และโอกาสในการส่งออกสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดจีนที่เป็นตลาดศักยภาพของไทย
โดยทูตพาณิชย์ได้รายงานข้อมูลว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2567 เต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทาย โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 เพิ่มขึ้น 4.6% ต่ำกว่าที่คาดหวังไว้มาก และรวม 9 เดือนของปี 2567 เพิ่ม 4.8% โดยภาคการผลิตลดเหลือ 4.6% จาก 6% ในช่วงครึ่งปีแรก เพราะความต้องการในประเทศลด การผลิตล้นตลาด การแข่งขันรุนแรง ซึ่งจีนได้พยายามลดต้นทุนการกู้เงินและสนับสนุนด้านการเงิน ด้านการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่ม 11.9% โดยเฉพาะพลังงานสะอาด พลังงานทดแทน ระบบขนส่งและโลจิสติกส์ คลังสินค้า และระบบสาธารณูปโภคสมัยใหม่ และภาคอสังหาริมทรัพย์ ลดลง 10.1% แม้รัฐบาลจะกระตุ้นด้วยมาตรการต่างๆ แต่ก็ยังไม่ฟื้นตัว สำหรับการบริโภคภายใน เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โดยยอดขายปลีกสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่ม 3.3% แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการฟื้นตัวตามนโยบายกระตุ้นการบริโภคเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม
โดยรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการสำคัญ อาทิ การลดดอกเบี้ยเงินกู้ที่อยู่อาศัย เงินอุดหนุนสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และโครงการแลกเปลี่ยนสินค้าเก่าเป็นใหม่เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือน ส่วนการส่งออก เพิ่มขึ้น 5.9% โดยเฉพาะการส่งออกไปตะวันออกกลาง รัสเซีย และอาเซียน และการลงทุนจากต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 11.4% สะท้อนความเชื่อมั่นในตลาดจีน หลังจากมีมาตรการดึงดูดการลงทุน ขณะที่จีนออกไปลงทุนต่างประเทศ เพิ่มขึ้น 10.6% ด้านค่าเงินหยวน มีแนวโน้มทรงตัว จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่ต้องระวังทิศทางการเงินของสหรัฐ สงครามการค้า และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
น.ส.สุนันทา กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนในปี 2567 ที่ผ่านมา แม้จะเผชิญความท้าทาย แต่กลับเป็นโอกาสทองสำหรับผู้ประกอบการไทย ที่มีความเข้าใจและยุทธศาสตร์ที่ชาญฉลาด หากมีการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างลึกซึ้ง จะช่วยให้ธุรกิจสามารถแปลงวิกฤตให้เป็นโอกาสได้อย่างมีประสิทธิภาพ การลงทุนในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ผู้ประกอบการไทยควรให้ความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า เทคโนโลยีสีเขียว และพลังงานสะอาด รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนที่มีนวัตกรรม การสร้างพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทจีนหรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการตลาดจะเป็นช่องทางสร้างรายได้ที่มีศักยภาพสูง นอกจากนี้ จากข้อมูลการส่งออกของจีน ผู้ประกอบการไทยควรมองหาโอกาสในการขยายตลาดไปยังประเทศที่จีนมีความสัมพันธ์ทางการค้าดี อาทิ ประเทศในตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศอาเซียน และรัสเซีย โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง โดยเฉพาะในกลุ่มเทคโนโลยีและนวัตกรรม
สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ www.ditp.go.th หรือสายตรงการค้าระหว่างประเทศ โทร 1169