นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายถัง เหวินหง ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน และผู้บริหารภาครัฐจีนในโอกาสที่เดินทางมาเยี่ยมคารวะและหารือแลกเปลี่ยนความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างไทย-จีน ณ กระทรวงพาณิชย์ ว่า “ผมได้รับมอบหมายจากนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ให้การต้อนรับคณะของท่านถัง เหวินหง โดยผมขอขอบคุณทางรัฐบาลจีนที่ให้ความร่วมมือในการทำงานกับหน่วยงานของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อร่วมกันพัฒนาอีคอมเมิร์ซไทย-จีน หลังจากที่ได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในปี 2565 ที่ผ่านมาเป็นอย่างดี ซึ่งผลการดำเนินงานประสบความสำเร็จด้วยดี สามารถช่วยผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SME ให้ขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เข้าสู่ตลาดจีนได้เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และทราบว่าการหารือแผนการทำงานร่วมกันด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์สำเร็จลุล่วงด้วยดี ซึ่งทางรัฐมนตรีจีนได้แสดงความขอบคุณและยินดีกับการร่วมมือกันดังกล่าว”
โดยนายถัง เหวินหง ผช.รมต.พาณิชย์จีน กล่าวว่า “การค้าระหว่างไทย-จีน มีการพัฒนาขึ้นมาก ทำให้ไทยอยู่ในอันดับที่ 11 ของการค้าจีน และไทยเป็นแหล่งลงทุนอันดับแรกของจีนสองปีติดต่อกัน และตอนนี้ยังได้มีความร่วมมือทางด้านอีคอมเมิร์ซกลายเป็นจุดเด่นในความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างกัน โดยทั้งสองฝ่ายได้มีความต้องการทางการค้าการลงทุนความร่วมมือทางด้านอีคอมเมิร์ซและการร่วมมือทั้งภูมิภาคและท้องถิ่น และได้มีการเตรียมการเพื่อไปมาหาสู่กันระหว่างผู้นำทั้งสองและการประชุม JC ครั้งที่เจ็ดในปีหน้า เป็นการจัดรอบสถาปนาความสัมพันธ์ 50 ปีความสัมพันธ์ระหว่างไทยจีน
นายถัง เหวินหง กล่าวต่ออีกว่า “ผมได้รู้สึกยินดีมากกับการครบรอบความสัมพันธ์ครั้งนี้ ผมได้ไปที่นิคมอุตสาหกรรมระยองเห็นโรงงานจีนที่สร้างขึ้นโดยมีคุณภาพและใช้เทคโนโลยีระดับสูง และที่กรุงเทพก็เห็นนักท่องเที่ยวนานาชาติ ถึงแม้ว่าในมุมภาพอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจเห็นว่าประเทศไทยกำลังพัฒนาและฟื้นฟู ในฐานะในการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีผมและทีมงานรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก และกระทรวงพาณิชย์จีนยินดีที่ร่วมมือกับฝ่ายไทยเป็นการกระชับความร่วมมือทางด้านนโยบายและแผนงานเพื่อส่งเสริมการพัฒนาและฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน”
โดยในปี 2568 ที่จะครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน นายนภินทร ได้เผยว่า เพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ 50 ปี ระหว่างกัน ฝ่ายจีนจะสนับสนุนการเป็น Country of Honor ของประเทศไทย ในการเข้าร่วมงาน CIIE (China International Import Expo) ในปีหน้า และให้ความอนุเคราะห์พื้นที่แก่ผู้ประกอบการไทยในงานแสดงสินค้าสำคัญของจีน ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในจีนจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าผ่านช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งในมณฑลหลักและรองทั่วประเทศจีนเพื่อร่วมฉลองปีทองแห่งมิตรภาพนี้ด้วยในส่วนของการนำสินค้าไทยไปขายในแพลตฟอร์มของจีน
นายนภินทร กล่าวว่า “ปัจจุบันสินค้าประเทศจีนได้รับความนิยมในไทยเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการค้าขายผ่านอีคอมเมิร์ซ ซึ่งปัจจุบันในส่วนของไทย กระทรวงพาณิชย์ได้มีการรวบรวมสินค้าไทยและผู้ประกอบการไทยอยู่ในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่จะทำให้ลูกค้าจีนรวมถึงผู้ที่ผลิตสินค้าจีน ที่มีความสนใจสินค้าและธุรกิจชาวไทย ในโอกาสความร่วมมือกันในครั้งนี้ผมจึงขอโอกาสให้คนไทยซึ่งมีสินค้าที่มีคุณภาพสามารถผ่านเข้าสู่ระบบอีคอมเมิร์ซของจีน อาทิ Tmall JD.com Douyin และ Wechat และลดเงื่อนไขต่าง ๆ สำหรับการขึ้นจำหน่ายสินค้าบนแพลตฟอร์มซึ่งทางจีน ยินดีที่จะช่วยให้สินค้าไทยเข้าไปขายในแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีนมากขึ้น และจีนจะช่วยสนับสนุนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของไทย อาทิ Thaitradechina.com ที่จะใช้อํานวยความสะดวกการค้าออนไลน์ระหว่างผู้ประกอบการไทย-จีนโดยตรง และสนับสนุนการเปิดร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์ม Tmall ในเครือของบริษัท Alibaba Group และ JD.com ภายใต้ชื่อ “Thailand Food Country Tmall Official Store” เพื่อส่งเสริมการขายสินค้าไทยผ่านช่องทางออนไลน์ในตลาดจีน”
“นอกจากนี้ ผมได้เชิญชวนนักธุรกิจจีนมาลงทุนในประเทศไทย เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมดิจิทัลในกลุ่มต่าง ๆ เช่น กลุ่มพัฒนาซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล ดิจิทัลคอนเทนต์ กลุ่มระบบโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เช่น การสร้าง Data Center และ Cloud Service และกลุ่มการพัฒนาระบบและส่วนสนับสนุนธุรกิจ และไทยมีศักยภาพและความพร้อมการเป็นศูนย์กลางธุรกิจดิจิทัลของภูมิภาค เนื่องจาก Infrastructure มีคุณภาพสูง ทั้งไฟฟ้าและโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง เครือข่าย 5G ระบบไฟฟ้าที่มีความเสถียร นอกจากนี้ประเทศไทยยังมีเครือข่ายการค้าทั่วโลกค้า โดยเฉพาะตลาด
ในอินเดีย ตลาดตะวันตก และตลาดอเมริกา ซึ่งทางจีนได้แจ้งว่าขณะนี้จีนเห็นไทยมีความพร้อมดังที่กล่าวมา และนักธุรกิจจีนเองก็มีความสนใจที่จะมาลงทุนอย่างมาก จึงเห็นว่าจะมีการลงทุนจากจีนอย่างแน่นอน และผมยังได้หยิบยกประเด็นการค้าระหว่างไทยกับจีน โดยขอให้ทางจีนให้สิทธิ์ประเทศไทยเหมือนประเทศที่มีพรมแดนติดกับประเทศจีน และประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียนเรามองความสัมพันธ์และความสำคัญการค้าของอาเซียน ซึ่งรัฐมนตรีจีนขอรับประเด็นดังกล่าวไปพิจารณาเพื่อดำเนินการให้ตามคำขอของไทย”